- เดือนธันวาคมกลายเป็นเดือนปิดฉากปี 2020 ที่โหดร้ายครั้งหนึ่งของตลาดจากการแพร่ระบาดของโควิดทั่วโลก
- ข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันนี้
- ดอลลาร์สหรัฐยังทรงตัว
สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีหลักทั้งสี่ของสหรัฐอเมริกาอย่างเอสแอนด์พี 500 ดาวโจนส์ แนสแด็กและรัสเซล 2000 ยังทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งแม้ว่าวันศุกร์จะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยเพราะจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสภาคองเกรสภายในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดลงทุนของสหรัฐฯ อาจกลับมามีความหวังได้ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อมีข่าวหลุดออกมาเมื่อวันเสาร์ว่า “เหล่าผู้วางนโยบายอยู่ประชุมกันจนดึกดื่นเพื่อพยายามหามติเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ $900 ล้านเหรียญให้ได้” และในช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย สภาคองเกรสก็ได้อนุมัติเงินเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 หลังจากที่ใช้เวลาเจรจากันมาอย่างยาวนาน นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่ดีที่สุดก่อนวันหยุดยาวเท่าที่รัฐบาลจะให้ได้ ที่สำคัญข่าวดีนี้จะช่วยหนุนตลาดร่วมกันกับข่าวการแจกจ่ายวัคซีนในสหรัฐอเมริกาด้วย
ในฝั่งของข่าวร้ายที่จะคอยกดดันตลาดลงทุนในสัปดาห์นี้หลักๆ ก็จะยังคงเป็นยอดผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกมีจำนวนรวมแล้วทั้งสิ้น 75 ล้านคน บางประเทศในยุโรปต้องยืดระยะเวลาล็อกดาวน์ออกไปหลังปีใหม่แล้ว หมายความว่าปีนี้จะเป็นปีที่การเฉลิมฉลองคริสต์มาสเงียบเหงาที่สุดในบางประเทศเลยทีเดียว
นอกจากนี้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจกลายมาเป็นประเด็นร้อนได้เมื่อมีข่าวสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยีจากจีนมากกว่าสิบสองบริษัทอย่างเช่นบริษัทผู้ผลิตชิป SMIC (HK:0981) บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์โดรน SZ DJI เทคโนโลยี ส่วนสถานการณ์ Brexit ก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญอีกเช่นเคย
การหมดอายุสัญญาของตลาดฟิวเจอร์และออปชันคือปัจจัยกดดันขาขึ้นของตลาด
แม้ว่าวันศุกร์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีราคาปิดลดลง แต่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เทสลา (NASDAQ:TSLA) กลับเป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัวที่สามารถทะยานได้อย่างโดดเด่น สาเหตุของขาขึ้นในวันนั้นเป็นการขานรับการถูกลิสต์ขึ้นบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวลดลงเมื่อวันศุกร์เกิดจากการหมดอายุสัญญาของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตลาดออปชันและตลาดดัชนี
น่าจับตาตลาดลงทุนเป็นอย่างมากเมื่อเห็นรูปแบบแท่งเทียนคนแขวนคอ (Hanging Man) เกิดขึ้นในวันศุกร์ เหลือเพียงแค่วันนี้เกิดแท่งเทียนยืนยันขาลงเท่านั้นก็จะสามารถทำให้ตลาดเชื่อได้ว่าราคาอาจต้องการพักตัว นอกจากนี้อินดิเคเตอร์ MACD ก็ได้ขานรับขาลงนั้นด้วยการตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวลงมาแล้ว อินดิเคเตอร์อีกตัวหนึ่งอย่าง ROC ก็ได้ทำไดเวอร์เจนต์ขาลงรอเป็นที่เรียบร้อย
ในทางกลับกัน หุ้นเทสลากลับปรับตัวขึ้น 6% ในวันเดียวกัน สร้างขาขึ้น 11.6% จากสองวันล่าสุดขานรับการขึ้นมาอยู่บนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ช่วงสองวันนั้นคือวันที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นเทสลาอยู่ในระดับสูงสุดมาตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเทสลาได้ทะยานขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 731% นักวิเคราะห์บางคนลงความเห็นว่าในวันนี้หุ้นเทสลาอาจปรับตัวขึ้นอีกเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นหุ้นของบริษัทที่วิ่งแรงที่สุดเป็นอันดับห้าบนดัชนีเอสแอนด์พี 500
จากรูปนี้คงไม่ต้องมีอะไรอธิบายถึงความแข็งแกร่งของหุ้นเทสลานักว่ามีอยู่มากเพียงใด การทะลุกรอบรูปธงขึ้นมาเป็นการแสดงออกว่าราคาต้องการไปต่อ สถานีต่อไปของเทสลาให้ไปรอที่ชานชาลา $750 ได้เลย
ลมสงบก่อนพายุจะมา?
การที่ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วออกมามีตัวเลขขึ้นลงสลับกันหมายความว่าขาขึ้นของการฟื้นตัวเริ่มสั่นคลอนจากยอดผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ทั่วโลกและการล็อกดาวน์ที่กลับมาในหลายพื้นที่ทั่วโลก สถานการณ์ในประเทศสหรัฐฯ เองก็ดูเหมือนจะแย่ลงไปเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นตัวเลขยอดขายปลีกและการจ้างงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นมาสามสัปดาห์ติดต่อกัน จริงอยู่ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในขาขึ้น แต่หากพิจารณาความชันของขาขึ้นจะเห็นว่าลดต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้พูดถึงไปและการถอนเงินออกจากตลาดก่อนเข้าสู่ช่วงปีใหม่
ด้วยปัจจัยทั้งเชิงบวกและลบที่มีอยู่ในตลาดมากมาย ส่วนตัวแล้วเรายอมรับว่าคาดการณ์ได้ยากว่ากราฟเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้จะปรับตัวขึ้น ปรับฐานหรือหดตัวร่วงลง ในระยะสั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจช่วยหนุนเศรษฐกิจได้ แต่ตราบใดที่สภาพความเป็นจริงยังสวนทางกับภาพมายาในตลาดหุ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดเมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริง
ขาขึ้นของกราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเมื่อวันศุกร์ที่แล้วทำให้กราฟยังทรงอยู่ในขาขึ้นได้สี่วันติดต่อกัน
กราฟดีดตัวกลับขึ้นมาจากขาลงระยะยาวซึ่งแสดงความแข็งแกร่งด้วยการขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์และเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงที่ลากมาตั้งแต่จุดสูดสุดของเดือนพฤศจิกายนปี 2018
ในทางตรงกันข้าม กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังคงแสดงให้เห็นขาลงอย่างต่อเนื่องแม้จะมีนักลงทุนพยายามช้อนซื้อตามทาง
การฟอร์มตัวเป็นรูปแบบธง ณ บริเวณระดับราคา 91 แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเกาะกลุ่มหาพวกกันของนักลงทุนฝั่งขาขึ้น แต่ยิ่งมีข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเท่าไหร่ ความเชื่อมั่นนั้นก็ยิ่งลดลง ประกอบกับเส้นค่าเฉลี่ย 100 สัปดาห์ยังอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ ทำให้ฝั่งขาขึ้นแทบไม่มีโอกาสที่จะต่อกรกับขาลงซึ่งเป็นเทรนด์หลักได้เลย
ราคาทองคำยังคงสถานะขาขึ้นเอาไว้ได้ แม้ดอลลาร์จะแข็งค่ากลับขึ้นมาเล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้ทำให้นักลงทุนละทั้งทองคำในทันที พวกเขายังเชื่อว่าทองคำจะขึ้นได้เมื่อตลาดหุ้นถูกเทขายออกมา
ในที่สุดราคาทองคำก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาได้เมื่อสามารถสร้างรูปแบบหัวไหล่ด้านหงาย (Inverted Head & Shoulder) ได้สำเร็จหลังจากดีดตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่บริเวณประมาณ $1,760
ราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ยังสนุกสนานกับขาขึ้นที่สามารถสร้างจุดสูงสุดตลาดกาลเหนือ $20,000 ได้สำเร็จ เมื่อวันศุกร์ที่แล้วกราฟก็ยังปรับตัวขึ้นอีก 3.5% สร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายในแปดวันล่าสุด ราชาสกุลเงินดิจิทัลปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 32.6% ย้ำว่าภายในเวลาเพียงแปดวัน
ราคาน้ำมันก็ยังคงอยู่ในขาขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาได้ปรับตัวขึ้นอีก 1.5% กลายเป็นสถิติขาขึ้นห้าวันติดต่อกัน คิดเป็น +5.4% ตลอดทั้งสัปดาห์ สำหรับราคาน้ำมันดิบ WTI นั้นหากนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ขาขึ้นเริ่มต้น จะพบว่ากราฟน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วเจ็ดสัปดาห์ติดต่อกันคิดเป็น +37.2%
ราคาน้ำมันดิบขึ้นจนใกล้จะถึงระดับเป้าหมายของรูปแบบแล้ว นอกจากนี้อินดิเคเตอร์ RSI ก็ยืนอยู่ที่เกือบถึง 75 ซึ่งถือว่าเป็นระดับ oversold เช่นเดียวกันกับอินดิเคเตอร์ ROC ที่ขึ้นมาถึงบริเวณขอบของกรอบราคาขาลง
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EST)
วันอาทิตย์
19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานสรุปภาพรวมเศรษฐกิจและงบประมาณที่ใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง
20:30 (ประเทศจีน) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBoC): คาดว่าจะคงที่ 3.85%
วันจันทร์
19:30 (ออสเตรเลีย) รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะลดลงจากตัวเลข 1.4% ก่อนหน้านี้ลงมายัง -0.6%
วันอังคาร
02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าตัวเลขแบบ QoQ จะคงที่ 15.5% ส่วนแบบ YoY จะติดลบ 9.6%
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -31.4% เป็น 33.1%
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: คาดว่าจะลดลงจาก 6.85M เป็น 6.70M
วันพุธ
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 885,000 คนเป็น 900,000 คน
08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะลดลงจาก 0.8% เป็น 0.2% แบบ MoM
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่: คาดว่าจะลดลงจาก 999K เป็น 990K
10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะลดลงจาก -3.135M เป็น -1.937M
วันพฤหัสบดี
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 1.3% เป็น 0.6%
วันศุกร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา ยูโรโซน สหราชอาณาจักร ฮ่องกง เม็กซิโก นิวซีแลนด์หยุดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส