(BK:IRPC)
รายงานผลขาดทุน 2Q63 ลดลง จากผลของการกลับรายการ LCM และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q63 ขาดทุน 411 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงาน 2Q63 ขาดทุนลดลงจาก 1Q63 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท ผลประกอบการกลับมาฟื้นตัว แต่ ยังคงต่ำกว่า 2Q62 ที่มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท ผลประกอบการกลับมาฟื้นตัว สะท้อนจาก รายงาน Accounting GIM ที่ 8.63 เหรียญต่อบาร์เรล พลิกจาก -5.84 เหรียญต่อบาร์เรล ในช่วง 1Q63 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรายการ Stock loss (รวม NRV) และ Hedging Gain รวมอยู่ที่ 89 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 6,811 ล้านบาท ในช่วง 1Q63 โดยบริษัทมีการกลับรายการค่าเผื่อ การลดลงของสินค้าลงเหลือ (lCM) เป็นกำไร 2,835 ล้านบาท (1Q63 มี LCM ขาดทุน อยู่ที่ 2,673 ล้านบาท) รับรู้ Stock loss จำนวน 3,390 ล้านบาท (1Q63 มี Stock loss อยู่ที่ 4,461 ล้านบาท) นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 353 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน ใน 1Q63 ที่ 500 ล้านบาท
รายงาน Market GIM ฟื้นตัว แต่ยังไม่ถึงจุด Break-even ใน 2Q63 บริษัทรายงาน Market GRM อยู่ที่ 2.57 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 0.84 เหรียญต่อบาร์เรล ในช่วง 1Q63 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากต้นทุน Crude Premium ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพียงพอ ชดเชยค่าการกลั่นกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลักที่ปรับลดลงจากผลกระทบของ Demand ที่ลดลง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านธุรกิจปิโตรเคมีกลับมาฟื้นตัว หลังทำจุดต่ำสุด ในเดือน เม.ย. โดยสถานการณ์โควิด-19 ในจีนและหลายประเทศในภูมิภาคที่คลี่คลาย จนนำไปสู่ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดดาวน์ ส่งผลให้ Demand กลุ่มปิโตรเคมีกลับมาฟื้นตัวทั้งกลุ่มโอ เลฟินส์ รวมทั้งกลุ่มอะโรเมติกส์และโพลีสไตรีนิคส์ ทำให้บริษัทยังคงมี Product-to-feed Margin (P2F) อยู่ที่ 4.66 เหรียญต่อบาร์เรล รวมกับธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ทำให้บริษัทรายงาน Market GIM ในช่วง 2Q63 อยู่ที่ 8.46 เหรียญต่อบาร์เรล
มีโอกาสเห็นผลประกอบการ 3Q63 กลับมาอ่อนตัว แนวโน้มผลประกอบการ 3Q63 ยังอ่อนแอ ตามทิศทางของค่าการกลั่น (Dubai cracker spread) ขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบ (Crude Premium) เริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังสถานการณ์สงครามราคาเริ่ม คลี่คลาย ทำให้ Crude Premium ในกลุ่มน้ำมัน Arab light พลิกจากการมีส่วนลด 5.43 เหรียญ ต่อบาร์เรล ในช่วง 2Q63 เป็น 0.77 เหรียญต่อบาร์เรล ในช่วง 3Q63QTD ขณะที่ราคา Naphtha ซึ่งเป็นต้นทุนผลิตของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าจะเริ่มทยอยปรับเพิ่ม กดดันส่วนต่างราคา ผลิตภัณฑ์ฝั่งปิโตรเคมี
อย่างไรก็ตามเรายังคาดหมายจะเห็นปัจจัยบวกจากการผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวน์ และสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่ดีขึ้น จะเป็นปัจจัยกระตุ้น Demand ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ในช่วงที่เหลือของปี 2563 โดยสถานการณ์ COVID-19 และ ความกังวลต่อการแพร่ระบาดระยะที่ 2 จะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงกดดันการฟื้นตัวของราคาปิโตรเลียม และปิโตรเคมี ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ถึงปี 2564
มีปัจจัยเสี่ยง และความไม่แน่นอนสูง คงน้ำหนัก Underweight ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 13.7% ในรอบ 1 เดือน สะท้อนความกังวลต่อการฟื้นตัวของผล ประกอบการที่ล่าช้า และต่ ากว่าที่ประเมินไว้เบื้องต้นก่อนหน้านี้มาก ประกอบกับการฟื้นตัวยังมี ปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง ทำให้ประมาณการณ์ผลประกอบการปี 2563 – 2564 ของเรา ยังคงมี Down-side เราให้น้ำหนักเพียง Underweight เท่านั้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities