Margin call กับตลาดหุ้นไทย
พอดีเห็นข่าว กองทุน Archegos ที่โดน Force sell มูลค่าถึง 2 หมื่นล้านเหรียญ คงไม่ได้ลงรายละเอียดเพราะคิดว่า ไม่น่าทำให้ตลาดกังวลอะไรมากมาย เนื่องจาก เป็นกองทุน Family office ซึ่งไม่ได้จ้าง Hedge fund บริหารต่ออีกที ดังนั้นจึงไม่ต้องประกาศรายละเอียดในการขาย น่าจะเป็น one time panic มากกว่า + การโดนบังคับขาย (leverage) ก็ไม่เคยเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตอยู่แล้ว ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์
แต่พอพูดถึงคำว่า Margin call ก็ทำให้แอดนึกย้อนกลับไป ปีที่แล้วสำหรับหุ้นไทย ในช่วงเดือนมีนา ถ้าใครจำกันได้ คือตลาดโดน Circuit Breaker 2 วันติด แน่นอนเป็นทั้งความโหดร้าย และเป็นทั้งโอกาส ต้องยอมรับว่าหลายปีหลัง ตลาด Leverage เติบโตขึ้นมาก และมีมูลค่าสูงมาก จนทำให้ยอดซื้อขายต่างชาติ ที่เคยมีบทบาทต่อการขึ้นลงในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2000-2013 ลดลดอย่างมาก ถ้านึกไม่ออกตั้งแต่ปี 2013-2021 ตลาดขายหุ้นไทยทั้งสิ้น ถ้าแอดจำไม่ผิดนะ น่าจะราวๆ 7 แสนล้าน แต่เราลองกลับไปดูตลาดหุ้นไทย มีทั้งปีที่ขึ้นแรง ลงแรงโดยไม่ต้องสนเงินต่างชาติ เพราะเงินในประเทศมีบทบาทต่อหุ้นเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีหลัง และหนึ่งในตัวที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย นั่นคือตลาด Leverage ที่เราอาจจะต้องรู้ไว้บ้าง
สำหรับคนมือใหม่ อาจจะไม่เข้าใจคำศัพท์เหล่านี้ แอดจะขออธิบายมือใหม่ขั้นเวลานิดนึงก่อน สำหรับตลาด Leverage หรือ Future หรือ Block Trade(ถ้าพูดถึงตลาดพวกนี้ ให้เรานึก การกู้ยืมเงินมาซื้อหุ้น เราจะซื้อได้มากกว่าเงินที่เรามี) คำศัพท์ที่้เราจะต้องรู้คือ 1. Leverage 2. Initial margin 3. Maintain margin 4. Margin call 5. Force sell ยกตัวอย่างนะ คือเราจะซื้อหุ้นมูลค่า 1 ล้านบาท โบรคก็บอกเราไม่ต้องลงเงินเต็มก็ได้นะ ให้เราลงเงิน 1 แสนบาทก็พอ(1 แสนบาทตรงนี้ เขาเลือก Initial margin หรือเงินวางเบื้องต้น) แต่มีค่าดอกเบี้ยการกู้ยืมเท่าไหร่ก็ว่าไป แสดงว่าโบรคให้ Leverage เรา 10 เท่า (เรามีเงิน 1 แสนบาทแต่ซื้อหุ้นได้ 10 เท่าคือ 1 ล้านบาทนั่นเอง) และโบรคก็บอกกับเราต่อว่า ถ้าเงินในพอร์ตเราต่ำกว่า 7 หมื่นบาท ต้องเติมเงินขึ้นไปให้ครบแสนนะ (ระดับ 7 หมื่นนี้เรียกว่า Maintain margin ห้ามให้เงินต่ำกว่าระดับนี้) แล้วถ้าเงินในพอร์ตเราต่ำกว่า 7 หมื่น เราจะโดน Margin call นั่นคือ โบรคจะแจ้งเตือนให้เติมเงิน ถ้าไม่เติมโบรคจะบังคับขาย หรือเราเรียกว่า Force sell คือถ้าลูกค้าไม่ยอมขาย โบรคจะมีอำนาจในการขายเองทันที ดังนั้นเราลงเงิน 1 แสนบาท แต่กำไร ขาดทุนจะวิ่งราวกับมีเงิน 1 ล้านบาท High risk High reward นั่นเอง มีแค่นี้แหล่ะ สำหรับมือใหม่ที่ต้องรู้
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2020 ตลาดในช่วงวิกฤต มูลค่าในตลาด Leverage ของหุ้นไทยลดลงเทียบกับปี 2019 ถึงเกือบ 70% และถ้าย้อนกลับไปช่วง 2 วันที่ Circuit Breaker ก็ต้องบอกว่าชุลมุนกันพอสมควร เพราะในฝั่ง Leverage 2 วันนั้นมีการปิดสัญญาเกือบ 5 แสนสัญญา ถ้าใครนึกภาพไม่ออก เงินที่เจ็บปวดช่วงนั้นที่สุด คือคนที่เล่นเกินตัว และเมื่อไม่มีเงินเหลือ เพราะตลาดลงแรงมาก ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องโดนบังคับขายหุ้นที่ราคาต่ำๆ เพราะเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ถึงไม่ขายโบรคก็มีสิทธิขายให้อยู่ดี นั่นทำให้ปริมาณการขายของตลาดปกติในช่วง Panic ร่วมกับ ปริมาณการขายในกลุ่ม Leverage ที่เราเรียกว่า Force sell ทำให้ตลาดบ้านเราเป็น 1 ในตลาดที่ลงรุนแรงที่สุดในช่วงนั้น
แน่นอน วิกฤตย่อมมาทั้งโอกาส ถ้าใครจับตาดูอยู่ รวมถึงแอดจะรู้ว่า แรงขายในช่วง 2 วันนั้น ถ้าดูจาก OI ที่ลงมาเกือบ 70% เมื่อแรงขายที่โดน Force sell ลดลงแล้ว Volume ซื้อที่เข้ามาจะสำคัญมากในการเก็งกำไรหลังจากนั้นตลาดก็รีบาวน์ขึ้น 200 จุด หรือเราลองย้อนกลับไปคิด ถ้าเรามีหุ้นอยู่ จะยอมขายที่ set ต่ำกว่า 1000 ไหมอาจจะมีแต่แอดก็เชื่อว่าไม่เยอะ แล้วใครขายล่ะ ก็ตอบได้เลยว่า พวกเก็งกำไร short และพวกโดนบังคับขาย เพราะตามหลักจิตวิทยา ถ้าเราซื้อ set ตั้งแต่ 1600 และเมื่อ set ปรับลงมาต่ำกว่า 1000 คนส่วนใหญ่จะไม่ขาย เพราะมันเลยจุดแห่งความเจ็บปวดไปไกลมากๆแล้ว ความเจ็บปวดถ้า set จะลงต่อไป 700-800 จะไม่ได้มากมายเหมือนกับ ช่วงที่ set ลงมาจาก 1600--> 1200
เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ในช่วง 6 ปีหลังมีเกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่นในปี 2014 (ข่าวลือเรื่องในหลวง) 2016(วันสวรรคตของ ร.9) 2018 เกือบทุกครั้งที่การโดน Force sell มักจะมีโอกาสตามมาเสมอ และในทางกลับกันการลด Leverage ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีเป็นจุดซื้อเสมอไปอย่างเช่นในปี 2015 ที่ตลาดไม่ได้มีการลด Leverage อย่างมีนัยยะ แต่ตลาดก็ร่วงจาก 1600 ลงมา 1200 จากวิกฤตยุโรปและน้ำมันรอบนั้น
ส่งท้าย ถ้านับย้อนไปตั้งแต่ปี 2016 ที่ตลาด Leverage มีมูลค่าสูงขึ้นทุกปี อาจจะเพราะการเติบโตของกองทุน และปริมาณเงินในระบบรวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้แรงซื้อขายในตลาดเหล่านี้ มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่าในอดีตมาก ก็ขอจบไว้เท่านี้ล่ะกัน อ่านข่าวกองทุนที่อเมริกา คิดวกกลับมาบ้านเราได้ 1 หน้ากระดาษ
โชคดีครับ
ติดตามข่าวสารการลงทุนได้ที่ Bigmove club news