Cathie Wood และทีม ARK Invest เพิ่งปรับขึ้นราคาเป้าหมายหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ขึ้นอีกครั้งเป็น 3,000 เหรียญภายในปี 2025 ! เราลองมาเจาะลึกกันดูว่าราคาหุ้น Tesla จะโตขึ้นอีก 5 เท่าจากราคาปัจจุบันภายใน 4 ปีได้หรือไม่ ?!?!
ราคาหุ้น Tesla เพิ่งปิดตลาดไปที่ 650 เหรียญต่อหุ้นไปเมื่อคืนนี้
เมื่อ 3 ปีที่แล้วในขณะที่ราคาหุ้น Tesla กำลังซื้อขายอยู่ที่ 60 เหรียญต่อหุ้น ทาง Cathie Wood ได้เคยออกมาทำนายว่าราคาหุ้น Tesla จะพุ่งทะลุ 800 เหรียญภายใน 5 ปี จนหลายฝ่ายคิดว่าเธอนั้นคงต้องเมายาอะไรมาแน่ๆเลยถึงได้ทำนายราคาเป้าหมายที่เว่อร์ขนาดนี้
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ราคาหุ้น Tesla ก็ได้พุ่งทะยานขึ้น 15 เท่าจริงๆ ขึ้นไปแตะระดับ 900 เหรียญต่อหุ้นไปเมื่อต้นปีนี้ สูงเกินราคาที่เธอคาดไว้อีกด้วยซ้ำ และมันก็ทำให้ Cathie มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
มาวันนี้ทาง Cathie ได้ออกมาให้เป้าราคาหุ้น Tesla ใหม่อีกครั้ง และเธอคิดว่าอย่างน้อยๆมันจะไปถึงราคา 3,000 เหรียญภายในเวลา 4 ปีแน่ๆ !
ทาง Cathie Wood และ ARK Invest ให้เป้าหมายราคา Tesla ไว้อย่างไรบ้าง
ทาง Ark ได้ให้เป้าหมายราคาหุ้น Tesla ในปี 2025 ไว้ 3 ระดับ
1️. ราคาที่คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงสุด (Base Case) - หากทุกอย่างเป็นไปตามที่ Ark คาดการณ์ ราคาหุ้น Tesla จะอยู่ที่ 3,000 เหรียญ
2️. ราคากรณีที่ดีที่สุด (Best Case) - หากทุกอย่างเป็นไปได้ #ดีกว่า ที่ Ark คาดการณ์ ราคาหุ้น Tesla อาจมีโอกาศ 25% ที่จะอยู่สูงกว่า 4,000 เหรียญ
3️.ราคากรณีที่แย่ที่สุด (Worst Case) - หากทุกอย่างเป็นไปได้ #แย่กว่า ที่ Ark คาดการณ์ ราคาหุ้น Tesla อาจมีโอกาศ 25% ที่จะอยู่ที่ 1,500 เหรียญหรือต่ำกว่า
สังเกตุได้ว่าทาง Ark นั้นมีความมั่นใจกับ Tesla มาก โดยถึงแม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาด แต่ Cathie ก็ยังมองว่าราคายังมีสิทธิโตขึ้นได้อีก 3 เท่าเลยทีเดียว !
ทาง ARK ทำการคำนวนราคาออกมาอย่างไร ?
ทางทีมงานของ ARK ได้ใช้โมเดล Monte Carlo Simulation เพื่อมาสร้างข้อมูลจำลองตามตัวแปร 34 อย่าง (Inputs) ที่จะถูกกำหนดให้เปลี่ยนแปลงไป จากข้อมูลทั้งหมดที่ Ark ใส่เข้าไปนั้นทางโมเดลจะทำการจำลองสถานการณ์ออกมาได้สูงถึง 40,000 แบบ
และจากการจำลองสถานการณ์ทั้งหมดทาง ARK จึงนำความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากที่สุดไปจนถึงต่ำที่สุดมาเรียงกัน และจึงสรุปออกมาได้เป็น 3 ราคาเป้าหมายที่กล่าวไว้ด้านบน
ตัวแปรหรือสมมติฐานต่างๆที่ Ark ใส่เข้าไปในการคำนวนนั้นมีอะไรบ้าง ?
ทุกท่านสามารถดูรายละเอียดและตารางแนบเต็มๆได้ในคอมเม้นท์เลยนะครับ โพสต์ไหนที่มีตารางข้อมูลหรือกราฟแนบ ทางเราจะแนบไว้ให้ในคอมเม้นท์เสมอ
นี่คือสมมติฐานต่างๆที่ ARK ใส่เข้าไปในการคำนวน ที่จะเรียงจาก (ตัวเลขจริงในปัจจุบัน) ไปจนถึงตัวเลขสูงสุดและตัวเลขต่ำสุด
1️. ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV (0.5 ล้านคัน) บวก 10 ล้านคัน ลบ 5 ล้านคัน
ต้องบอกว่านี่แทบจะเป็น สมมติฐานที่สำคัญที่สุด เลย เพราะ Tesla นั้นเป็นบริษัทที่ตั้งเป้าว่าจะโตอย่างก้าวกระโดดมากๆ จากที่ปัจจุบันผลิตรถยนต์ได้อยู่ที่ 5 แสนคันต่อปีทาง Elon Musk นั้นตั้งเป้าว่า Tesla จะขายรถได้ 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 หรือโตขึ้น 40 เท่าภายในเวลา 10 ปี
ส่วนเป้าที่ทาง Ark ตั้งไว้ว่า Tesla จะผลิตได้สูงสุด 10 ล้านคันภายในปี 2025 หรืออย่างน้อยที่สุดก็ 5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2025 นั้นก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมากๆ และทาง Tesla จะต้องขยายการผลิตแบบไม่มีอะไรผิดพลาดเลยทีเดียวถึงจะทำได้สำเร็จ
ถึงแม้ตัวเลขที่ทางทีม Ark จะใส่ไว้นั้นถือว่ากว้างมากๆ แต่ในเคสที่แย่ที่สุดพวกเขาก็ยังมองว่า Tesla จะขยายยอดขายได้ 10 เท่าภายในเวลา 5 ปี !
2️. ราคาขายรถเฉลี่ย (5 หมื่นเหรียญต่อคัน) บวก 4.5 หมื่นเหรียญต่อคัน ลบ 3.6 หมื่นเหรียญต่อคัน
ทางด้านราคาขายรถนั้นก็เป็นตัวแปรที่สำคัญ จะสังเกตเห็นได้ว่าทาง Ark นั้นมองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นราคาขายรถของ Tesla นั้นก็จะทยอยปรับตัวลดลง เพราะนอกจากราคาต้นทุน Battery ของ Tesla จะถูกลงเรื่อยๆแล้ว ทาง Elon Musk ยังตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์ออกไปให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย ตาม Vision ของบริษัทที่ต้องการจะเปลี่ยนรถทุกคันบนโลกนี้ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV อย่างเร็วที่สุด
ราคาสูงสุดและต่ำสุดที่วางไว้นั้นมีความแตกต่างกันถึง 30% เลยทีเดียว
3️. รายได้จากการขายรถต่อปี (0.26 แสนล้านเหรียญ) บวก 3.67 แสนล้านเหรียญ ลบ 2.34 แสนล้านเหรียญ
แน่นอนว่าหลักๆรายได้จากการขายรถยนต์นั้นก็จะมาจาก 2 สมมติฐานแรกคำนวนเข้าด้วยกันตามเคสต่างๆเลย
4️. รายได้จากบริการรถรับส่งด้วยคนขับอัตโนมัติ Robo-Taxi (0 เหรียญ) ขึ้น 3.27 แสนล้านเหรียญ ลง 0 เหรียญ
นี่ถือเป็นข้อที่น่าติดตามมากที่สุด และจะเป็นตัวแปลสำคัญเลยว่าหุ้น Tesla จะลงเหวหรือขึ้นสวรรค์ เพราะอย่างที่ได้เขียนบอกมาตลอดว่า Tesla พยายามจะเป็นบริษัทแรกในโลกที่สร้างระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะแบบเต็มรูปแบบ (Full Autonomous Driving Level 5) ได้สำเร็จ
หากพวกเขาทำได้สำเร็จจริงๆ นอกจากจะสามารถขาย Software ได้กำไรมหาศาลแล้ว ทาง Tesla ยังสามารถสร้างระบบ แท็กซี่อัจฉริยะ หรือบริการรถรับส่งแบบไร้คนขับ ซึ่งแน่นอนว่าจะเข้ามา Disrupt ธุรกิจอย่าง Grab, Uber, Lyft และระบบ Taxi อื่นๆทั่วโลกโดยทันที
และหากทำได้สำเร็จภายใน 5 ปี ทาง Ark มองว่ารายได้จากการบริการนี้ อาจจะมากพอๆกับรายได้จากการขายรถเลยทีเดียว โดยการมอง Bull Case ได้ที่การทำรายได้ปีละ 3.27 แสนล้านเหรียญ
5️. รายได้จากบริการรถรับส่งด้วยคนขับ (0 เหรียญ) บวก 4.2 หมื่นล้านเหรียญ ลบ 0 เหรียญ
ถึงแม้ทาง Tesla อาจจะไม่สามารถสร้างระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะแบบเต็มรูปแบบได้สำเร็จ ทาง Cathie Wood และทีมยังมองว่า ด้วยคุณภาพและเครือค่ายรถยนต์ของ Tesla ทางบริษัทอาจสามารถเริ่มต้นธุรกิจ Platform รถรับส่งด้วยคนขับแบบ Grab หรือ Uber ไปก่อนก็ได้ และทาง Ark มองว่าอาจจะสร้างรายได้ ได้มากถึงปีละ 4.2 หมื่นล้านเหรียญเลยทีเดียว (แค่นี้ก็เกิน 1 ล้านล้านบาทต่อปีแล้วนะ !)
แต่อย่างไรก็ตามทาง Elon Musk ก็ยังไม่มีแผนอย่างเป็นทางการที่จะทำระบบนี้ เพราะทางบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Full Autonomous Driving Level 5) ได้สำเร็จ และอยากโฟกัสกับการพัฒนาในส่วนนั้นมากกว่า
6️. รายได้จากการขายประกันรถยนต์ (0 เหรียญ) บวก 2.3 หมื่นล้านเหรียญ ลบ 0.6 หมื่นล้านเหรียญ
ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้า Tesla ออกระบบขับรถอัตโนมัติออกมาได้จริงๆ คุณจำเป็นจะต้องซื้อประกันรถยนต์อีกไหม ?
จริงๆแล้วถ้าคุณเชื่อในบริษัท Tesla คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อประกันรถอีกต่อไป แต่ถ้าคุณยังไม่สบายใจ อยากจะซื้อประกันทิ้งไว้ จะมีใครที่สามารถขายราคาประกันไปได้ดีกว่าเจ้าของบริษัทอย่าง Tesla เอง
ทาง Teslaจึงได้เตรียมขายประกันให้กับผู้ขับรถยนต์ของเขาจริงๆ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้อีกเป็นจำนวนมากให้กับทาง Tesla ตามที่ Ark ได้ใส่สมมติฐานไว้ด้านบนเลย
7️. ยังมีสมมุติฐานอีกมากมาย ที่ทางทีมงาน Ark นั้นใส่เข้าไป
ไม่ว่าจะเป็น กำลังการผลิตของแต่ละปีจะอยู่ที่กี่ % ? ต้นทุนของแบตเตอรี่จะลดลงเร็วหรือช้าแค่ไหน ? ระบบขับรถอัตโนมัติจะสำเร็จออกมาเป็นกี่ % ? ต้นทุนทางการเงินจะเป็นเช่นไร ? กำไรต่อหน่วยของรถยนต์ ? และตัวเลขการเกินอีกมากมาย
วันนี้ทางแอดอยากหยิบเอาสมมติฐานหลักๆมาแชร์กันเท่านั้น รายละเอียดเต็มๆลองอ่านดูได้ใน link และตารางคอมเม้นท์เลยครับ
ธุรกิจพลังงาน หรือ Tesla Energy ยังไม่ถูกนำมาคำนวนใน Model นี้!
สิ่งนึงที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ ใน Model ของ Ark นี้ไม่ได้คำนึงถึงธุรกิจพลังงานของ Tesla เลย แต่จะเน้นที่ธุรกิจรถยนต์เท่านั้น
ซึ่งจริงๆแล้วหากทาง Ark นำเข้าไปคำนวนแปลว่าราคาหุ้นของ Tesla อาจจะโตมากกว่านี้อีก เพราะว่าทาง Elon ได้ออกมากล่าวย้ำเสมอว่าเขาตื่นเต้นกับการขยายธุรกิจ Tesla Enegy มากๆ ที่ผ่านมาเขามัวแต่มุ่งเน้นกับการผลิตรถยนต์ Model 3 ให้สำเร็จ เพราะมันเป็นก้าวที่ใหญ่ที่สุดของ Tesla ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกออกมาให้ได้
แต่เขาเชื่อว่ามูลค่าของตลาดในส่วนของ Tesla Energy นี้จะใหญ่ไม่น้อยไปกว่าธุรกิจรถยนต์เลย ! และเขาเชื่อว่าวันนี้ Tesla Energy อาจจะใหญ่กว่า Tesla EV วันนึงเสียอีกด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า Elon #ไม่ได้พูดเล่น เพราะหากเราดูขนาดของอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกแล้ว มันมีขนาดใหญ่กว่าอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่หลายเท่าจริงๆ และทาง Elon ก็มีแผนในการเข้ามา Disrupt ธุรกิจนี้โดยการเข้ามาติด Solar Roof บนทุกๆบ้านบนโลก และให้แชร์พลังงานที่เก็บได้ มาใช้ในบ้าน มาใช้ในรถยนต์ และนำไปแชร์ต่อให้บ้านอื่นๆใช้กันเองได้ด้วยผ่านระบบ Software ของ Tesla
(หลายๆนักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าธุรกิจพลังงานของ Tesla อาจมีมูลค่าสูงถึง 1 หรือ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว)
และเคสในการคำนวนของ Ark ในครั้งนี้ก็ยังรวมถึงมูลค่าของ Bitcoin ที่ Tesla ถืออยู่ ที่อาจโตขึ้นหรือปรับตัวลดลงได้อีกด้วย
มูลค่าบริษัทโดยรวมที่ Ark ตั้งไว้ให้ Tesla นั้นอยู่ที่ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2025
หากราคาเป้าหมายนี้เป็นจริง จะทำให้ Tesla กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแน่นอน และจะมีมูลค่าสูงกว่า Apple (NASDAQ:AAPL) บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบันถึง 2 เท่า ! และจะใหญ่กว่าเพื่อนๆในกลุ่ม FAANG ถึง 3-5 เท่า !
เรียกได้ว่าเป้าของ Cathie Wood และ Ark ในครั้งนี้ถือว่าเป็นเป้าหมายราคาหุ้นที่ใหญ่มากๆแบบไม่มีใครกล้าจะให้กับบริษัทไหนแน่ๆ
ราคาหุ้น Tesla นั้นเป็น #หุ้นที่แทบจะคาดเดาราคาได้ยากที่สุดในโลกแล้ว
เพราะนอกจาก Tesla จะเป็นบริษัทที่วาง Growth ไว้สูงขนาดนี้ (40 เท่าภายใน 10 ปี) ขนาดของการลงทุนของ Tesla ที่ยังใหญ่อีกมากๆ อีกทั้ง Tesla ยังมีการขยายธุรกิจไปสู่ Disruptive Innovation อื่นๆที่ประเมินราคาได้ยากมาก (หากทำได้สำเร็จราคาอาจจะถือว่ายังต่ำไป แต่หากทำไม่สำเร็จราคาก็อาจจะถือว่าสูงมากเกินไปแล้ว)
นอกจากนั้นหุ้น Tesla ยังเป็น #หุ้นที่มีคนรักและคนเกลียดรวมกันมากที่สุด อย่างที่ทราบกันว่า Tesla นั้นมีนักลงทุนรายย่อยเข้ารุมซื้อราคาหุ้นกันอยู่จนราคาหุ้นนั้นสูงลิ่ว จนทำให้นักลงทุน Wall Street หลายคน รวมไปถึง Michael Burry เองด้วยก็ได้ทำการเข้ามา Short Sell หุ้นไว้
การที่มีผู้เล่นฝั่ง Long และ Short อยู่เต็มตลาดขนาดนี้จะทำให้ราคาหุ้นผันผวนมากในระยะสั้น อย่างที่เราเห็นกับหุ้น GameStop แล้วว่า หากฝั่ง Short Sell โดนบังคับให้ปิด Short Position (Short Squeeze) นั้นราคาหุ้นจะพุ่งได้สูงกว่าราคาพื้นฐานขนาดไหน ? หุ้น Tesla เองก็มีปัจจัยเหล่านี้อยู่ครบ
รวมไปถึงความเสี่ยงของตลาดโดยรวมอีกด้วย ช่วงนี้ความกลัว ค่าเงินเฟ้อ กำลังทำให้หุ้น Tech โดนเทขาย และทาง Tesla ก็เป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมายของทั้งตลาด Wall Street ที่ราคากำลังรับรู้ Forward Earning เข้าไปมากที่สุด
สิ่งเดียวที่จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงด้านบนทั้งหมดนี้ออกไปก็คือ การถือหุ้นระยะยาว การคาดเดาราคาระยะสั้นนั้นเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปได้ยากมาก แต่การถือหุ้นให้ยาวขึ้นจะช่วยตัดปัจจัยเหล่านี้ออกไปได้ และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าทาง Tesla นั้นจะสามารถขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ได้ดีแค่ไหน
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP