สรุป การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยว่า จีนมียอด FDI ในปี 2020 สูงที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่ายอด FDI ของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 1.34 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคํา อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประชุม Davos Agenda ของ World Economic Forum (WEF) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 ม.ค. ทางออนไลน์ ซึ่งจะมีการกล่าว สุนทรพจน์ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เพื่อประเมินท่าทีต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐในช่วง 4 ปี ข้างหน้า ขณะที่ความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้น เมื่อกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้จีนหยุดกดดันทางทหารกับไต้หวัน หลังจากเครื่องบินทหารของจีน 13 ลํา รวมถึงเครื่องบินทิ้ง ระเบิด H-6K 8 ลํา บินเข้าไปยังเขตน่านฟ้าของไต้หวัน ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เบื้องต้นราคาทองคํายังคงแกว่งตัวในกรอบแม้ว่า ราคาจะฟื้นตัวขึ้น แต่ก็มีแรงขายทํากําไรสลับออกมาเช่นกัน หากราคาทองคําอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือแนวรับในระดับ 1,845-1,837 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคายังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,870-1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คำแนะนำ ประเมินแนวรับไว้ที 1,845-1,837 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้ จะเห็นการดีดตัวกลับของ ราคาไปยังแนวต้านที 1,870-1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคํา ยังไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านได้ อาจทําให้ราคาเกิดการอ่อนตัว ลงอีกครั้ง
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International