มีเหตุผลหลายประการที่จะทำให้นักลงทุนสามารถรู้สึกวางใจได้กับตลาดลงทุนในเดือนนี้ เรื่องสำคัญที่สุดก็คือเราจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ภายในเดือนนี้แน่ๆ หลังจากที่วันศุกร์ที่ผ่านมาสภาล่างได้ลงมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เหลือเพียงยื่นเรื่องนี้ให้ผ่านสภาสูงเท่านั้น นักวิเคราะห์ประเมินว่าเดโมแครตอาจเลือกที่ยอมทิ้งเรื่องการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเป็น $15 ทิ้งไปเพื่อให้เรื่องอื่นๆ สามารถผ่านสภาสูงไปได้ นักลงทุนหวังว่าจะได้เห็นข่าวดีก่อนวันที่ 14 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นวันที่เงินเยียวยาการว่างงานรอบก่อนหน้าจะหมดอายุขัยลง ถ้าไม่อยากให้ตลาดตกอยู่ในสภาวะเป็นกังวล สภาคองเกรสต้องรีบอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ให้เร็วที่สุด
ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงนี้เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่าโลกเรากำลังหลุดออกจากการแพร่ระบาดรอบที่สองแล้ว แม้จะยังมีมาตรการล็อกดาวน์อยู่ แต่ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ของยูโรโซนและสหราชอาณาจักรยังสามารถขยายตัวได้ สังเกตได้จากการที่ตัวเลขดังกล่าวสามารถมีค่ามากกว่า 50 จุด ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบัน ISM ของสหรัฐอเมริกาสามารถขยายตัวได้มากที่สุดในรอบสามเดือนเพราะมียอดคำสั่งซื้อใหม่เกี่ยวกับสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์เข้ามา ในทุกๆ วันที่ผ่านไป มีประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยใกล้ที่จะสามารถฟื้นตัวได้แล้ว
สกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในตอนนี้คือสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพราะธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เซอไพรส์ตลาดด้วยการประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลคิดเป็นมูลค่ารวม $4,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียซึ่ง RBA พึ่งประกาศซื้อพันธบัตรไป $3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง ที่ RBA ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะต้องการให้นักลงทุนหันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เกาะกระแสผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเยอรมันที่กำลังปรับตัวขึ้นจนหลายฝ่ายต้องจับตามอง เชื่อว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 10 ปีสามารถปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกัน
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียอายุ 10 ปีเคยมีตัวเลขอยู่ที่ 1.12% แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นพบว่ามีตัวเลขอยู่ที่ 1.91% เพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดำเนินไปด้วยความราบรื่น RBA ยังจำเป็นที่ต้องคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในระดับต่ำเหมือนเดิม (0.10%) ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเวลานี้อาจสร้างผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการแข็งค่าของสกุลเงินได้ ดังนั้นแล้วการปล่อยให้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าจึงเป็นวิธีเลี่ยงอัตราเงินเฟ้อไม่ให้ปรับขึ้นเร็วเกินไปได้ดีที่สุด