สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
1) เดือน ส.ค. 63 ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (BK:ERW) กลับมาเปิดให้บริการโรงแรมครบ 100% ทั้งในประเทศไทยและ Hop Inn ในประเทศฟิ ลิปปินส์หนุนการฟื้นตัวของผลประกอบการใน 2H63 2) ERW ยังเน้นควบคุมค่าใช้จ่าย เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่า และค่า Suppliers โดยบริษัทฯตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายในปีนี้ลงราว 40-50% จากปี 2562 3) ERW เจรจากับทางสถาบันการเงินเพื่อขอลดและเลื่อนการคืนหนี้และดอกเบี้ยจ่ายในปีนี้ซึ่งได้รับการอนุมัติแล้ว และยังไม่มีแผนการเพิ่มทุนในระยะสั้นแม้สัดส่วน IBD/Equity อาจเกิน Covenant ของธนาคาร
4) CAPEX ทั้งปี 2020 คาดอยู่ที่700 ล้านบาท (คิดเป็น 50% ของแผนเดิม) ไม่มีแผนการลงทุนใหม่หรือแผนปรับปรุงโรงแรมในปีนี้ แต่ยังคงดำเนินก่อสร้างโรงแรมที่มี progress ไปมากแล้ว เช่น โรงแรม Hop Inn ในประเทศราว 2-3 สาขา
ปรับลดประมาณการลงอีกครั้ง แต่คงมุมมองผ่านจุดต่า สุดไปแล้วใน 2Q63
การกลับมาเปิดโรงแรมจะลดผลขาดทุน โดยโรงแรม Hop Inn ในประเทศเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวก่อน จากฐานลูกค้าหลักไม่พึ่งพิงต่างชาติและได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ Occ.Rate ในเดือนก.ค.63 อยู่ที่ 67% สูงขึ้นจาก 58% และ 11% ในเดือน มิ.ย. และ พ.ค. ตามลำดับ เช่นเดียวกับโรงแรมในต่างจังหวัดที่มีการฟื้นตัวได้ดีจากนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้เปลี่ยนมาท่องเที่ยวในประเทศ
อย่างไรก็ดีโรงแรมในกรุงเทพ (Luxury & Midscale) ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของERW ฟื้นตัวช้ากว่าคาดจากรายได้ส่วนใหญ่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติOcc. Rate หลังเปิดเฉลี่ยที่ 20-25% ในขณะที่บางแห่งอยู่ที่ระดับต ่า 10% ดังนั้นแม้มีรายได้F&B ราว 30% (ปัจจุบันกลับมาแล้วราว 70%ของระดับก่อน COVID-19) แต่ไม่เพียงพอชดเชย เราปรับลดประมาณการปี 2563 เป็นคาดขาดทุนปกติปี 2563 ที่ 1.3 พันล้านบาท อิงOcc. Rate ลดลงที่28% จาก 35% แต่คงมุมมองคาดผลประกอบการ 2H63 จะขาดทุนลดลงต่อเนื่องรายไตรมาส ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 คาดกลับมาทำกำไรปกติที่ 75 ล้านบาท ผลบวกจากพัฒนาวัคซีนในปลายปี 2563หรือต้นปี 2564 ปลดล็อคนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เริ่มทยอยฟื้นตัว
ความแข็งแกร่งทางการเงินเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตา ... แต่ยังเอาอยู่
ERW มี IBD/E ณ สิ้น 2Q63 ที่ 2.4x (เทียบกับ Debt covenant ที่ 2.5x) หากผลประกอบการขาดทุนไปอีก2 ไตรมาส เราคาด IBD/E ณ สิ้นปี 2563 จะเกินกว่า Covenant อย่างไรก็ดี ERW ได้รับอนุมัติการขอยกเว้นCovenant จากธนาคารจนถึงสิ้นปี2563 ไปแล้วก่อนหน้า ดังนั้นความเสี่ยงจึงอยู่ที่การพิจารณาในปีหน้า อย่างไรก็ดี ERW มีเงินสด ณ สิ้น 2Q63 ที่ 1.5 พันล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกที่ 5.9 พันล้านบาท หากเทียบกับ Cash burn ที่เดือนละ 110 ล้านบาท ERW มีเงินสดเพียงพอที่จะรองรับผลกระทบถึงสิ้นปีได้ไม่ยาก ยังไม่มีความเสี่ยงการเพิ่มทุน อย่างไรก็ดีหากสถาณการณ์ลากยาว ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในปีหน้าและไม่สามารถขอ Waive Covenant กับธนาคารได้เพิ่มเติม ความเสี่ยงเพิ่มทุนจะสูงขึ้น
ปรับคำแนะนำขึ้น เป็น “ซื้อ ” อิงราคาเหมาะสมที่4.00 บาทต่อหุ้น
ผลการปรับประมาณการทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น ปี 2563 ปรับลดเป็น 4.00 บาท อิง EV/EBITDA -0.5SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ราคาหุ้นที่ลงมาแรงทำให้เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก TRADING หุ้นยัง ซื้อ ขาย ที่ P/BV เพียง 1.9x หรือ-1SD ทำให้ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้หากมีพัฒนาการของวัคซีน อย่างไรก็ดีเราให้ERW เป็นตัวเลือกรองจาก CENTEL และ MINT เนื่องจากรายได้จากธุรกิจอาหารที่น้อยกว่าและฐานะการเงินที่อ่อนแอกว่า
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities