จบลงไปแล้วกับตลาดลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับตลาดก๊าซธรรมชาติ หากดูเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดฟิวเจอร์ของท่าเรือเฮนรี่แล้วจะพบว่าตลอดทั้งไตรมาสก๊าซธรรมชาติสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 43%
จุดสูงสุดที่วัดได้จากตลาดซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่ท่าเรือเฮนรี่เมื่อวานนี้ปรากฎว่าก๊าซธรรมชาติมีราคาอยู่ที่ $3.8114 mmBtu ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบสองปีครึ่ง ถือได้ว่าเป็นขาขึ้นที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดที่ $4.666 mmBtu ในเดือนธันวาคมปี 2018 มากที่สุด
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางคนสังเกตว่าขาขึ้นเมื่อวานนี้าเป็นขาขึ้นที่มีแรงน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเจ็ดวันก่อนหน้า แท่งเทียนราคาของก๊าซธรรมชาติเมื่อวานนี้ไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ จึงทำให่บางคนเริ่มสงสัยว่าหรือจะถึงเวลาที่ก๊าซธรรมชาติจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาผันผวนเพราะเกิดการชะลอตัวแล้ว
ความเหนื่อยล้าจากขาขึ้นเพียงข้างเดียว Vs ความต้องการในช่วงหน้าร้อน
พฤติกรรมของราคาก๊าซธรรมชาติในตอนนี้ยังนำไปสู่คำถามที่ว่า “แรงส่งขาขึ้นในไตรมาสที่สองจะสามารถไปต่อได้หรือไม่?” หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการหักปากกานักเคราะห์ส่วนใหญ่ที่เชื่อว่าขาขึ้นจะยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วงหน้าร้อนที่พึ่งจะมาถึง
แม้แต่แดน เมเยอร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates ก็ยังมีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงการพิจารณาราคาของก๊าซธรรมชาติหลังจากที่ได้เห็นพฤติกรรมการชะลอตัวเช่นนี้ เขาได้เขียนบทวิเคราะห์ลงในโน๊ตของเขาที่มอบให้กับลูกค้าและแชร์ให้กับ investing.com ว่า
“แม้ราคาก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวขึ้นมาอีก 12 เซนต์ แต่ราคาก็ยังไม่สามารถหลุดกรอบการวิ่งของราคาเมื่อวานไปได้ หากพิจารณากรอบการวิ่งของราคาจาก OHLC ของแท่งเทียนในกราฟรายเดือน จะเห็นว่าที่ผ่านมา กรอบนี้ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่เดือนเมษายน ขาขึ้นในเดือนนั้นสามารถปรับตัวขึ้นได้ 12% เดือนถัดมาอีก 4% และเดือนมิถุนายน 20% ”
“เมื่อพิจารณาที่กราฟก๊าซธรรมชาติสปอต” เขากล่าวต่อ “ก็จะเห็นว่าตลาดทั้งสองนั้นสอดคล้องกัน หากนับตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนซึ่งเป้นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน จะสามารถเฉลี่ยได้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวขึ้นมาโดยเฉลี่ยวันละ $1.17 mmBtu”
นอกจากราคาที่ท่าเรือเฮนรี่แล้ว ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นมาตรวัดของที่อื่นๆ ในสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นของซิตี้เกต ชิคาโก พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติสปอตสามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือ $7
ข้อมูลจาก Gelber & Associates ยังเปิดเผยราคาก๊าซธรรมชาติของที่อื่นๆ บนโลกด้วยว่ามีปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ JKM หรือมาตรวัดก๊าซธรรมชาติของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้พบว่าราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นยืนเหนือ $12 ต่อ mmBtu ไปแล้ว ในขณะที่ NBP ของสหราชอาณาจักร และ TTF ของเนเธอร์แลนด์ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ $11 ต่อ mmBtu
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นเหมือนกันต่างบ่งชี้ไปที่ความต้องการก๊าซธรรมชาติในช่วงหน้าร้อน และปริมาณก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในคลังสำรองมีน้อยเกินไป สวนทางกับคลังเก็บก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่สามารถปรับตัวขึ้นได้สามสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว
ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังของสหรัฐฯ ใกล้กลับเข้าสู่ระดับปกติ
ข้อมูลรายสัปดาห์จากสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ล่าสุดเผยว่าระดับก๊าซธรรมชาติคงคลังของสหรัฐฯ ใกล้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ปริมาณการส่งก๊าซธรรมชาติเข้าคลังที่วัดถึงวันที่ 25 มิถุนายนพบว่ามีก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้น 68 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) และในสัปดาห์ที่วัดถึงวันที่ 18 มิถุนายน พบว่ามีการส่งก๊าซธรรมชาติเข้าคลัง 55 bcf
ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อเมริกาสามารถส่งก๊าซธรรมชาติเข้าคลังได้ 73 bcf ในขณะที่ตัวเลขเฉลี่ยในรอบ 5 ปีล่าสุดอยู่ที่ 65 bcf หากการวิเคราะห์ที่วัดถึงวันที่ 25 มิถุนายนถูกต้อง ตอนนี้ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังของสหรัฐฯ จะมีตัวเลขรวมแล้วทั้งสิ้น 2.55 tcf ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 5.6% และต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 16.9%
Refinitiv รายงานข้อมูลตัวเลขอุณหภูมิของสัปดาห์ที่แล้วว่ามีระดับอยู่ที่ 76 CDD หรือการวัดค่าความเย็นหรือความร้อนต่อช่วงระยะเวลาหนึ่ง เทียบกับค่าเฉลี่ย CDD ในรอบ 30 ปีซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 72 CDD ด้วยเหตุนี้ข้อมูลจาก EBW Analytics และ NatGasWeather จึงระบุตรงกันว่าเดือนกรกฎาคมนี้สหรัฐอเมริกาจะร้อนเป็นพิเศษ
“ก่อนที่จะจบสัปดาห์นี้ นักลงทุนอาจจะยอมมองข้ามประเด็นเรื่องความต้องการพลังงานในช่วงหน้าร้อนไปก่อน เพื่อรอให้กลุ่มที่ปิดคำสั่งซื้อขายเพื่อทำกำไรในช่วงจบครึ่งปีแรกกลับมาก่อน”
ข้อมูลจาก NatGasWeather ยังระบุอีกด้วยว่าไม่ใช่แค่อากาศที่ร้อนขึ้นเท่านั้นที่เป็นตัวดันราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ยังเป็นเพราะเรื่องอุปทานมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับอุปสงค์ ตอนนี้มีรายงานว่า 48 รัฐของสหรัฐมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ต่ำมาก
“ในช่วงระหว่างวันที่ 6-14 กรกฎาคม ราคาก๊าซธรรมชาติจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไปเพราะสาเหตุด้านอุปสงค์และอุปทาน สนับสนุนกับความร้อนในช่วงฤดูร้อน อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาดูด้วยคือโอกาสที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อนในแถบคาบสมุทรคาร์ริเบียน”
ความต้องการก๊าซธรรมชาติทั่วโลกยังส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติแปรรูปอย่าง LNG ไม่ปรับลงมาจากจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ค่าความต่างระหว่างกำไรขั้นต้นของ LNG ในสหรัฐฯ กับทั่วโลกกำลังปรับตัวขึ้นไปยัง $6 ซึ่งค่าเฉลี่ยของเดือนก่อนอยู่ที่ $4-$5 mmBtu