รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

เมื่อมุมมองของเทรดเดอร์กับข้อมูลพื้นฐานของตลาดน้ำมันไม่ตรงกัน

เผยแพร่ 06/06/2562 13:24
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ปัจจุบันนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ไม่สอดคล้องกับข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมัน เนื่องจากข้อมูลพื้นฐานและปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองชี้ว่าราคาน่าจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะยังทรงตัวอยู่กับที่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ราคาในตลาดกลับปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก

การซื้อขายในช่วง 2 สัปดาห์เศษที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคา น้ำมัน ปรับตัวลดลงเนื่องจากปัจจัยของความกังวลทางด้านเศรษฐกิจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานและภูมิศาสตร์การเมืองไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ระหว่างความรู้สึกกับการคาดการณ์

ความไม่สอดคล้องกันระหว่างข้อมูลปัจจัยพื้นฐานกับมุมมองของนักลงทุนงั้นสามารถสังเกตเห็นได้จากผลสำรวจจากหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในการพยากรณ์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งพบว่าธนาคารเชื่อว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2019 จะอยู่ที่ $69.73

นำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลจริงจะพบว่าราคาดังกล่าวสูงกว่าราคาของเที่ยงวันพุธอยู่ประมาณเกือบ $10 โดยตัวเลขการพยากรณ์นี้ได้มาจากข้อมูลทางด้านปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ซึ่งชี้ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวสูงขึ้นได้พอสมควร ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ควรจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า $70 ต่อบาร์เรลในช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นปีหากการพยากรณ์ถูกต้อง

Brent price chart

ปัจจุบันผู้ผลิตน้ำมันรายหลักยังคงปรับลดการผลิต แต่ความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดกลับไม่เป็นไปตามข้อมูลปัจจัยพื้นฐานเช่นนั้น เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจในมุมกว้างอย่างเช่นการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกหรือสงครามการค้าในขณะนี้มากกว่า จากบทความหนึ่งของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ระบุว่า นักวิเคราะห์ของธนาคารคิดว่านักลงทุนจะไม่สนใจในสภาวะเศรษฐกิจมุมกว้างในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี 2019 นี้อีกต่อไป แม้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

เหตุใดราคาน้ำมันจึงไม่เพิ่มขึ้น?

เมื่อพิจารณาตามตัวเลขที่พยากรณ์ไว้ ราคาน้ำมันควรจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม การที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับ อิหร่าน รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในเวเนซุเอลาเป็นสาเหตุที่ทำให้การผลิตและส่งออกจากประเทศดังกล่าวเกิดปัญหา นอกจากนั้นปัญหา สงครามในลิเบีย ก็ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตและอาจทำให้เกิด “การหยุดชะงักได้ตลอดเวลา”

ปริมาณการผลิตในคาซัคสถานก็ยังคงลดลงเนื่องจากมีการ ดูแลซ่อมแซม แท่นขุดเจาะน้ำมันหลักของประเทศมาเป็นระยะหนึ่ง และเพิ่งจะเริ่มกลับมาใช้งานได้เมื่อไม่นานมานี้ ทางด้านรัสเซียเองก็ประสบกับปัญหาการปนเปื้อนในท่อส่งน้ำมันดรูซบาขนาด 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ปัจจุบันรัสเซียมี กำลังการผลิตน้ำมัน ลดลงเหลือเพียง 10.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนับเป็นปริมาณการผลิตที่ต่ำที่สุดที่รัสเซียเคยรายงานตั้งแต่กลางปี 2016 เป็นต้นมา

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้ว ปัญหาในด้านการผลิตน่าจะกลับกันราคาน้ำมันให้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จึงยังคงไม่แน่ชัดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 ราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัญหาดังกล่าวหรือจะยังปรับตัวไปในทิศทางตรงกันข้ามตามความรู้สึกของตลาดเหมือนในขณะนี้ต่อไป ดูเหมือนว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำมันจากคาซัคสถานและรัสเซียนั้นจะได้รับการแก้ไขในเร็ววันนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ราคาน้ำมันไม่สูงขึ้นไปอีก

การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคอาจส่งผลกับราคาน้ำมัน

ในขณะนี้ไม่น่าจะมีปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นได้อีกเว้นเสียแต่ปัญหาที่มีอยู่เดิมในขณะนี้ ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลกระทบได้อาจเป็นเรื่องสงครามอ่าวเปอร์เซีย ภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงในพื้นที่การผลิตน้ำมัน หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์หรืออุปทานอย่างรุนแรงเท่านั้น

แต่ปัญหาเดิมในเรื่องการคว่ำบาตร ปัญหาในเวเนซุเอลา หรือปริมาณการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัดก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะไม่ช่วยพยุงหรือทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในตอนนี้ แต่จะทำให้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีราคาที่สูงขึ้นได้หรือไม่?

ในทางกลับกัน ปัญหาต่างๆที่เป็นตัวผลักดันให้ราคาน้ำมันลดลงในตอนนี้หรือในอนาคตนั้นยังไม่น่าที่จะได้รับการแก้ไขได้ในเร็ววันนี้ มิหนำซ้ำยังอาจแย่ลงกว่าเดิม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงเป็นปัจจัยหลัก โดยทุกครั้งที่มีการประกาศใช้ภาษีใหม่ ราคาน้ำมันก็จะปรับตัวลดลง การเจรจาทางการค้ายังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในวันนี้ แต่ก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ในขณะนี้เรายังไม่ทราบว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขหรือไม่และจะใช้เวลานานอีกเท่าใด ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนปี 2020 ซึ่งยังพอมีเวลาให้น้ำมันปรับตัวขึ้นไปอยู่ใกล้ในระดับเฉลี่ยที่ $70 ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกเช่นกันที่สถานการณ์จะแย่ลง รวมทั้งราคาน้ำมันอาจดิ่งลงไปมากกว่านี้ก็ได้

WTI price chart

ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานซึ่งยากต่อการคาดการณ์

ในปัจจุบันตลาดให้ความสนใจกับตัวชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจค่อนข้างมากซึ่งปัจจุบันยังคงชี้ว่าอยู่ในช่วงชะลอตัว นักลงทุนในด้านน้ำมันยังคงยึดติดกับตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวนี้อยู่ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการให้ความสนใจกับ ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง ส่วนก่อนหน้านั้นตลาดก็ให้ความสนใจกับรายงานการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ จาก J.P. Morgan ซึ่งมีการปรับลดตัวเลขการคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจาก 2.25% ลงเหลือ 1% และก่อนหน้านี้อีก ตลาดกลับให้ความสนใจกับ ข้อมูลทางเศรษฐกิจของจีน ที่ชี้ว่ากำลังชะลอตัวลง

การประชุมของโอเปคในเดือนนี้อาจจะดันราคาน้ำมันให้ลดต่ำลงได้อีก โดยมีความเป็นไปได้ 3 อย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในตอนนี้คือ ขยายเวลาการใช้นโยบายควบคุมปริมาณการผลิตแบบเดิมต่อไป หรือปรับลดกำลังปริมาณการผลิตลงไปอีก หรืออาจเกิดการขัดแย้งกันภายในระหว่างกลุ่มโอเปคกับประเทศพันธมิตรซึ่งจะทำให้ข้อตกลงจำกัดปริมาณการผลิตเป็นอันต้องยุติไป ในขณะนี้ดูเหมือนว่ารัสเซียก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลดปริมาณการผลิตต่อไป ดังนั้นทางเลือกเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ของโอเปกในขณะนี้คือให้คงรักษาปริมาณการผลิตในระดับปัจจุบันไว้ต่อไป แต่หากมีข้อคิดเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้นก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงไปอีก

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นถึงความยากในการพยายามคาดการณ์ราคาน้ำมัน ดังที่นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวไว้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่าไม่ขอ “รับรอง” ความผันผวนของราคาน้ำมัน ในช่วงนี้ ส่วนทางด้านหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่าสถาบันทางการเงินต่างๆ ก็จะยังคงทำการพยากรณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันต่อไปในปี 2020

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย