รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้: Costco, Apple และ Dell

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 26/05/2562 12:20

สำหรับนักลงทุนแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเพียงการเตือนในเบื้องต้นเท่านั้น เพราะนอกจากข้อพิพาทในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแล้ว ยังคงมีความเสี่ยงอื่นๆ ซึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ และน่าจะเป็นผลเสียกับตลาดหุ้นขาขึ้นและสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในภาพรวมได้

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมืองที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลาง ปัญหาภายหลังจากออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของสหราชอาณาจักร และตัวเลขรายงานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ไม่สู้ดีนัก ต่างก็เป็นปัญหาคาราคาซังที่ยังหาทางออกไม่ได้ ทำให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลและส่งผลให้ตลาดหุ้นยังคงชะลอตัว

สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 0.7% นับเป็นการลดลงประจำสัปดาห์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ที่ 5 และเป็นการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ในช่วงไม่กี่วันที่กำลังจะมาถึงนี้ ภาพรวมของตลาดยังคงมีความไม่แน่นอน เรากำลังจับตาดูหุ้น 3 ตัวที่น่าจะมีการเคลื่อนไหวจากรายงานผลประกอบการ และ/หรือ พัฒนาการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นดังต่อไปนี้

1. Costco Wholesale

การปรับขึ้นอัตราภาษีในการเจรจาทางการค้านั้นส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยหุ้นธุรกิจค้าปลีกซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักของตลาดก็เริ่มที่จะได้รับผลกระทบแล้วด้วยเช่นกัน

COST Weekly TTM


อุตสาหกรรมการค้าปลีกจะได้รับการวิเคราะห์อีกครั้งเมื่อ Costco Wholesale (NASDAQ:COST) รายงานผลประกอบการหลังปิดงบไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 ออกมาให้ทราบในวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคมนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.82 ณ สิ้นวันที่ 13 พฤษภาคม จากข้อมูลของ Investing.com บริษัทจะมียอดขายอยู่ที่ 34,650 ล้านเหรียญ

หากรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เจ้านี้ประกาศออกมาพร้อมกับตัวเลขที่ไม่สู้ดีนัก ก็จะส่งผลภาพพจน์ของบริษัทไปตลอดทั้งปีนี้ ตัวเลขการคาดการณ์ของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในขณะที่มีแรงกดดันทางต้นทุนสูงขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียกับผู้ค้าปลีกที่ต้องนำเข้าสินค้าจากจีน

ตัวเลขจากการรายงานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อไม่นานนี้ก็แสดงให้เห็นว่าน่าจะมีการชะลอตัวเช่นกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะส่งผลกระทบกับความมั่นใจของผู้บริโภคไปเรื่อยๆ แต่หุ้นของ Costco ในขณะนี้ยังคงเป็นที่นิยมของนักลงทุนเป็นอย่างมาก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดตลาดที่ $247.30 ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวกลับมาจากจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคมได้มากกว่า 30%

2. Apple Inc.

ในบรรดาหุ้นต่างๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นของ Apple (NASDAQ:AAPL) จากกลุ่ม FAANG เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลเสียจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมากที่สุดตัวหนึ่ง ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตไอโฟนรายนี้ร่วงลงไปราว 14% เฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมาไปปิดตลาดในวันศุกร์อยู่ที่ $178.97

AAPL Weekly TTM

หุ้นของ Apple ยังคงอ่อนตัวลงเมื่อนักวิเคราะห์หลายรายออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของบริษัทที่จะได้รับจากจีน ทำให้ราคาหุ้นตลอดทั้งสัปดาห์ปรับตัวลดลง 5.3%

อย่างไรก็ตาม หากในสัปดาห์หน้า สหรัฐฯ และจีนสามารถรอมชอมกันในข้อตกลงได้ นักลงทุนอาจจะหายใจได้ทั่วท้องมากขึ้นบ้าง จีนยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ Apple โดยบริษัทมียอดขายในปีล่าสุดอยู่ที่ 52,000 ล้านเหรียญ

ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าในครั้งนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำกับบริษัทหัวเหว่ยเทคโนโลยีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยิ่งเกิดความกลัวว่าจีนจะมีการโต้ตอบโดยมุ่งเป้ามาที่บริษัท Apple รวมถึงเครือข่ายอุปทานของบริษัทซึ่งยังต้องพึ่งพาแหล่งการผลิตจากจีนอยู่อย่างมาก


3. Dell Technologies

Dell Technologies Inc. (NYSE:DELL) กำลังจะประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดีหลังปิดตลาด หลังจากที่บริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีกำไรเฉลี่ยต่อหุ้นอยู่ที่ประมาณ $1.21 โดยมียอดขายอยู่ที่ 22,270 ล้านเหรียญ

DELL Weekly TTM

จากการพยากรณ์ยอดขายในปี 2020 ของ Dell ระบุว่ายอดขายน่าจะชะลอตัวในช่วงปีหน้า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะมีผลทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของบริษัทลดลง ในปีที่ผ่านมา Dell ทำยอดขายได้ดีมากอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทเตรียมการเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้งด้วยการปรับโครงสร้างใหม่เป็นเวลา 5 ปีเพื่อลดหนี้สินและความซับซ้อนของโครงสร้างภายในของบริษัทลง

ความชื่นชอบของนักลงทุนในการปรับโครงสร้างใหม่ของ Dell ในครั้งนี้ ทำให้ราคาหุ้นในปีนี้เพิ่มขึ้นไปถึง 45% ในขณะที่ในช่วงเดียวกันนี้ ดัชนี S&P 500 ก็ขยายตัวขึ้น 13% ราคาหุ้นของ Dell ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $66.12

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย