ซาอุดิอาราเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังไม่พร้อมผลิตน้ำมันให้เกินความต้องการของตลาดเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดิบลดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่จะช่วยตลาดได้มากกว่าการแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศนี้ในการประชุมโอเปควันอาทิตย์นี้ที่กรุงเจดดาห์ได้คือการทำความเข้าใจแผนการต่อไปของประเทศอิหร่านให้มากขึ้น
จากข้อกล่าวหาว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมกับโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของซาอุดิอาราเบียไปจนถึงความเชื่อที่ว่าอิหร่านจะสามารถหาทางเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เพื่อผลิตน้ำมันให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ ตลาดจะได้รับประโยชน์เมื่อทราบว่าประเทศอิหร่านจะมีการวางแผนรับมือกับอุปสรรคต่างๆ อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาราเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาจร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการตอบโต้อิหร่านก็เป็นได้
โดยภาพรวม ภูมิศาสตร์การเมืองกลับมารุนแรงอีกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในตลาดน้ำมัน เมื่อมีการเผชิญหน้ากันระหว่างซาอุดิอาราเบียกับอิหร่านที่นับเป็นสงครามอ่าวครั้งใหม่ที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในช่วงแรกๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แต่ตลาดขาขึ้นก็ยังคงมีอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ การที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงดุเดือด ซึ่งอาจทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกเกิดการปรับตัวตามความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่กำลังรุนแรงในตะวันออกกลางขณะนี้
อิหร่านยังคงปฏิเสธว่าการโจมตีสถานีสูบน้ำมันสองแห่งของซาอุดิอาราเบียด้วยโดรนติดอาวุธเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นฝีมือของกบฏฮูตี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทราบกันดีว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุนอิหร่านมาตลอด สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซาอุดิอาราเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของตนที่อยู่ในอ่าวได้รับการโจมตีโดยขีปนาวุธ ซึ่งมีความหมายเป็นนัยว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จากการประเมินของสมาคมประกันภัยแห่งหนึ่งของนอร์เวย์สรุปไว้ในรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าวมีความ “เป็นไปได้สูง” ที่จะเป็นฝีมือของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน โดยการปล่อยโดรนใต้น้ำซึ่งมีวัตถุระเบิดคุณภาพสูงน้ำหนักประมาณ 30-50 กก. (65-110 ปอนด์) ออกจากเรือที่ลอยลำอยู่ในบริเวณนั้นเพื่อส่งไปโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว
น้ำมันยังคงฟื้นตัวได้แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายในซาอุดิอาราเบียเกิดขึ้น
เมื่อตลาดเอเชียเปิดในวันจันทร์ นักลงทุนน้ำมันยังคงเห็นพ้องกับท่าทีของโอเปคในช่วงสุดสัปดาห์ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตต่อไป สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ รวมทั้งราคากลางมาตรฐานน้ำมันของสหราชอาณาจักรไต่ขึ้นเกือบ 2% ในช่วงแรกของการซื้อขายขึ้นไปอยู่เหนือ $73.20 ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมัน West Texas Intermediate ซึ่งเป็นมาตรฐานราคาน้ำมันของสหรัฐฯ ขยับสูงขึ้นกว่า 1% ไปอยู่ที่ $63.75
แต่ในขณะนั้นก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะราคาปิดตลาดในวันนั้นจะสูงขึ้นเมื่อปิดตลาดในนิวยอร์คหรือจะเป็นอย่างนั้นไปตลอดทั้งสัปดาห์
ทั้งนี้เนื่องจากการประชุมโอเปค ณ กรุงเจดดาห์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้มีอะไรผิดไปจากที่ตลาดคาดไว้เลย
นายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาราเบียกล่าวว่า มีข้อตกลงร่วมกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรที่จะปรับลดอัตราการสำรองน้ำมันดิบลง “ทีละน้อย” โดยซาอุดิอาราเบียจะยังรับผิดชอบกับตลาดที่มี “ความอ่อนไหว” ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่เพิ่มการผลิตน้ำมันเกินกว่าที่ต้องการใช้ในขณะนี้ จริงๆ แล้วเราต้องการจะปรับลดการผลิตลงมากกว่านี้ด้วยซ้ำเพื่อนำน้ำมันสำรองเก่ามาใช้ก่อน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำมัน shale ของสหรัฐฯ
อเล็กซานเดอร์ โนแวค รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในกลุ่มโอเปคและพันธมิตรกล่าวว่า ยัง "เร็วเกินไป" ที่จะยุติการปรับลดการผลิตน้ำมันที่ดำเนินมาเป็นเวลา 6 เดือนในตอนนี้ ด้านนายซูฮาล อัล-มาสรูอี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แย้งว่าการลดอัตราการผลิตไม่ใช่ “การตัดสินใจที่ถูกต้อง” เนื่องจากหน้าที่ของโอเปค "ยังไม่จบ" โดยเฉพาะเมื่อปริมาณการสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นและจากข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 เป็นต้นมา
การประชุม ณ กรุงเจดดาห์ก็ไม่ได้มีผู้คาดหวังว่าจะมีการตัดสินใจอะไรใหม่ๆ มากนัก เนื่องจากเป็นเพียงการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสำคัญของโอเปคที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ณ กรุงเวียนนา รวมทั้งการประชุมของกลุ่มโอเปคและพันธมิตรที่จะจัดขึ้นในวันถัดไปด้วย
อิหร่านยังคงมีท่าทีนิ่งเงียบตั้งต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาและยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่ารัฐบาลของนายรูฮานีจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แม้ว่าสมาชิกโอเปคต่างยินดีที่จะร่วมข้อตกลงร่วมระหว่างซาอุดิอาราเบีย รัสเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้วก็ตาม