ค่าเงินเยน ของญี่ปุ่นยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นเพราะสถานะที่ปลอดภัยมากขึ้นของสกุลเงินนี้หรือเกิดจากการตีความที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความคิดเห็นของกลุ่มประเทศ G7 เกี่ยวกับจุดอ่อนที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือไม่
ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายทางการเงินเชิงรุกมากขึ้นเพื่อเอาชนะภาวะเงินฝืดที่ฉุดเงินเยนมาอยู่ในขาลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา ในขณะที่มูลค่า Equity ยังอยู่ในระดับสูงในรอบเกือบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นจากผู้ว่าการและรัฐมนตรีจากกลุ่มประเทศชั้นนำของ G7 ก็ยังสวนกระแสท่าทีประนีประนอมของญี่ปุ่น โดยย้ำว่าจะไม่ใช้นโยบายการเงินการคลังเพื่อลดค่าเงินเด็ดขาด
นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่าสมาชิกกลุ่มจะใช้นโยบายทางการเงินเพื่อให้เกิดผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่จีนถูกสหรัฐฯ กล่าวหาว่านำมาใช้และที่ยังคงเป็นปัญหาหลักในการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ในขณะนี้
ข้อโต้แย้งดังกล่าวทำให้ยากต่อการคาดการณ์ในอนาคต และการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็สะท้อนความคลุมเครือในด้านปัจจัยพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประกาศออกมาอย่างไร รูปแบบกราฟยังคงชี้ว่าเงินเยนจะปรับตัวสูงขึ้น
คู่สกุลเงินดอลลาร์-เยนปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นในปีนี้ หลังจากที่ตกลงต่ำกว่า 200 และ 50 DMA หลังจากถึงแนวรับที่ 100 DMA ราคาก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นและยังคงที่อยู่ที่ 100 DMA
การตกลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดในวันที่ 25 มีนาคมที่ 109.72 จะทำให้เกิด Double Top อย่างสมบูรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับ RSI ที่บ่งบอกโมเมนตัมว่ายังอยู่ต่ำกว่าราคาต่ำสุดครั้งก่อน
เช่นเดียวกับที่ MACD มีสัญญาณให้ขาย โดยมีแนวต้านเป็นเส้นโค้งลงในระดับ 50 DMA หลังจากที่เข้าใกล้ระดับ Bottom ที่ 200 DMA
กลยุทธ์การซื้อขาย
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอการกลับตัวของแนวโน้มโดยให้มี Peak 2 ครั้งและ Trough 2 ครั้งในรูปแบบสูงไปหาต่ำเสียก่อน ณ ขณะนี้ ราคาสูงสุดของวันที่ 24 เมษายนขึ้นแทนที่ราคาสูงสุดของวันที่ 5 มีนาคมไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจุดกลับตัวสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงอาจจะยังไม่มี
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจมองว่าเกิด Double Top ของตลาดขาลงไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ โดยดูราคาปิดที่ต่ำกว่าระดับ 109.72 ไปอย่างน้อย 2% ตามด้วยการทดสอบความสมบูรณ์ของรูปแบบอีกครั้ง ซึ่งวัดได้จากแท่งเทียนสีแดงยาวที่มีน้อยๆ แต่ยาวกว่าแท่งเล็กๆ สีเขียวหรือสีอื่นๆ
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก อาจใช้เกณฑ์มาตรฐานต่างๆ ที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงของตนเองเพื่อตัดสินใจขาย เช่น อาจรอให้ราคาปิดต่ำกว่า 100 DMA และรอดูว่า RSI จะปิดด้วย Double Top อย่างสมบูรณ์ด้วยหรือไม่
ตัวอย่างการซื้อขาย
- ราคาเข้า: 110.80 เมื่อเด้งจาก 100 DMA ไปยังราคาสูงสุดของวัน
- Stop-Loss: 111.00 ใช้ตัวเลขทางจิตวิทยาและส่วนล่างของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ไม่ต่อเนื่องเป็นแนวต้าน
- ความเสี่ยง: 20 pips
- เป้าหมาย: 110.00 ใช้ตัวเลขทางจิตวิทยาและระดับแนวรับ/Neckline ของเดือนมีนาคม
- ผลตอบแทน: 80 pips
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4