เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย Saudi Aramco ได้เผยแพร่ หนังสือชี้ชวน การซื้อตราสารหนี้ ล่วงหน้าก่อนการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในนิวยอร์คและลอนดอน ซึ่งล่าสุดบริษัทเพิ่งตกลงซื้อบริษัทปิโตรเคมีของซาอุดิอาระเบีย SABIC ในมูลค่า 6.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และขาย ตราสารหนี้ มูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเป็นเงินดาวน์สำหรับการซื้อบริษัทครั้งนี้ โดยหนังสือชี้ชวนการซื้อตราสารหนี้ได้เผยข้อมูลทางการเงินใหม่ ๆ และข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับบริษัทซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า Aramco เป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันนี้เราได้เห็นแล้วว่าในปี 2018 ผลประกอบการ ของ Aramco ก่อนหักอัตราดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 224 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และรายได้สุทธิของบริษัทในปี 2018 เท่ากับ 1.11 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อลอง เปรียบเทียบ ดูแล้ว รายได้สุทธิของ Apple (NASDAQ:AAPL) ในปี 2018 อยู่ที่ราว 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และรายได้สุทธิของ ExxonMobil (NYSE:XOM) เท่ากับประมาณ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
บรรดานักวิเคราะห์ได้ตรวจตราหนังสือชี้ชวนตราสารหนี้ทั้ง 400 กว่าหน้าอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับกำลังการผลิต น้ำมัน และ ก๊าซ ในปัจจุบันและอนาคตของ Aramco อีกทั้งข้อมูลเชิงลึกที่อาจส่งผลแก่ตลาดได้ แต่ทว่าครั้งนี้มีข้อมูลในหนังสือชี้ชวนน้อยมากที่จะช่วยให้เราพอเห็นภาพรวมกำลังการผลิตจาก Aramco ในสัปดาห์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า หรืออีกสิบปีข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารมีการเผยแพร่ บทความ หนึ่งที่ระบุว่าบ่อน้ำมันยักษ์ใหญ่ของ Aramco ที่ชื่อ Ghawar นั้น "มีปริมาณน้ำมันที่ลดลงกว่าที่หลายคนคาดไว้" ซึ่งหนุนให้ ราคาน้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้น
บทความดังกล่าวยืนยันว่าน้ำมันจากบ่อน้ำมัน Ghawar มีปริมาณลดลง แม้ว่าเราไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่บ่อน้ำมัน Ghawar เป็นบ่อน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดและมีกำลังการผลิตมากที่สุดในโลก และบทความได้ระบุไว้อย่างแม่นยำว่าบ่อน้ำมันมีกำลังการผลิตถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นบ่อน้ำมันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีอิทธิพลต่อกำลังการผลิตน้ำมันในอุตสาหกรรมน้ำมันอย่างมาก ฉะนั้นเมื่อมีข่าวออกมาว่ากำลังการผลิตมีแววว่าจะลดลง บรรดาผู้ลงทุนจึงเกิดความหวาดกลัวว่า "ราคาน้ำมันจะขึ้น"
ในความเป็นจริงแล้ว หนังสือชี้ชวนการซื้อตราสารหนี้แทบจะไม่ได้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับกำลังการผลิตในปัจจุบันและอนาคตของ Ghawar เลย ข้อมูลเดียวที่มีระบุไว้กลับเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของสิ่งที่เรียกว่า "MSC" ซึ่งหมายถึงกำลังการผลิตที่กฎหมายกำหนดให้ Aramco ต้องทำให้ได้ภายในระยะเวลาสามเดือน
กฎหมายไฮโดรคาร์บอนของซาอุฯ ตั้ง MSC สุทธิของซาอุฯ ไว้ที่ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน หมายความว่า Aramco จะต้องเพิ่มกำลังผลิตจากระดับใดก็ตามแต่ ให้ขึ้นมาถึง 12 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในระยะเวลาสามเดือนให้ได้ และ Aramco จะต้องคงระดับกำลังการผลิตที่ 12 ล้านบาร์เรลต่อวันให้ได้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี และจากข้อกำหนดเหล่านั้น Aramco จึงต้องกระจายกำลังการผลิตโดยแยกตามบ่อน้ำมันต่าง ๆ ฉะนั้นถ้าหาก Aramco มีความจำเป็นที่ต้องผลิตน้ำมันให้ได้ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน บ่อน้ำมัน Ghawar ต้องรับผิดชอบผลิตน้ำมันให้ได้วันละ 3.8 ล้านบาร์เรล
ปัจจุบัน Ghawar อาจมีกำลังการผลิตในระดับนั้นอยู่แล้ว หรืออาจน้อยกว่านั้น ตัวเลข MSC สำหรับบ่อน้ำมัน Ghawar อาจไม่สำคัญมากเท่ากับกำลังการผลิตสูงสุด หนังสือชี้ชวนเพียงชี้แจงให้เห็นว่าในกรณีที่รัฐบาลสั่งให้ Aramco ผลิตน้ำมันให้ได้ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน Ghawar ก็จะต้องผลิตให้ได้วันละ 3.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขเกือบหนึ่งในสามของทั้งหมด และเยอะกว่าบ่อน้ำมันอื่น ๆ ทั้งหมด ฉะนั้นจึงสมเหตุสมผลว่าทำไม Ghawar จึงผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าเดิม ถึงแม้ว่ายังมีกำลังการผลิตที่มากพอก็ตาม เพราะว่าขณะนี้ Aramco ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ อีกเยอะ
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าปริมาณน้ำมันในบ่อน้ำมันของ Aramco ลดลงในอัตราเท่าใด ในหนังสือชี้ชวนได้ระบุว่าแหล่งจัดเก็บน้ำมันครึ่งหนึ่งของ Aramco มีปริมาณน้ำมันลดลงไปน้อยกว่า 20% โดย Ghawar ยังคงผลิตน้ำมันเป็นปริมาณ 21.3% จากแหล่งจัดเก็บน้ำมันทั้งหมดของ Aramco
สรุปแล้วเราควรกังวลหรือไม่ว่าแหล่งผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลกกำลังลดลงเร็วกว่าที่เราคิดไว้ ก็อาจจะ แต่ข้อมูลที่ Aramco เผยออกมาก็ไม่ได้ชี้แจงอะไรเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวให้ชัดเจนขึ้น และไม่ได้ระบุข้อมูลใหม่ ๆ แต่อย่างใด