ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2019โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
คู่สกุลเงินยูโรกับดอลลาร์สหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างฉับพลันเมื่อวาน และเงินยูโรกำลังจะดิ่งลงไปอีก เมื่อผู้ลงทุนต่างพากันเทขายเงินยูโรอย่างมหาศาล หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปออกมาประกาศโครงการปล่อยกู้ระยะยาวสำหรับภาคธุรกิจครั้งใหม่ คู่สกุลเงิน EUR/USD ร่วงลงสู่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 17 เดือนและยังไม่ได้แตะแดนบวกเลยแม้แต่วันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ความเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ทำให้คู่สกุลเงินดังกล่าวดิ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 1.13 และ 1.12 ทั้งนี้เราคาดไว้ว่าเงินยูโรจะติดลบมากกว่าเดิม แต่จะติดลบในวันนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร จากสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันนี้ หากตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งมากขึ้น เราอาจได้เห็นการปรับลงสู่ระดับ 1.11 อย่างรวดเร็ว และตามด้วยแรงกดดันไปสู่ระดับ 1.10 แต่ถ้าหากตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอ เราอาจได้เห็นแรงฟื้นตัวที่จะดึงดูดผู้ขายได้อย่างแน่นอน
หากคุณได้อ่านบทวิเคราะห์สำหรับเมื่อวาน ดิฉันได้อธิบายเหตุผลไปแล้วว่าเหตุใดคนหมู่มากจึงคาดหวังให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มโครงการปล่อยกู้ระยะยาวสำหรับภาคธุรกิจ (TLTRO) ครั้งใหม่ เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งเงื่อนไขการปล่อยกู้ จากที่เงินกู้ในปัจจุบันมีอายุคงเหลือครบ 12 เดือนในเดือนมิถุนายน แม้ว่ากำหนดการและรายละเอียดของการประกาศยังคงมีความคลุมเครือ แต่อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวานแสดงให้เราเห็นว่าธนาคารกลางยุโรปต้องการที่จะรอต่อไป เนื่องด้วยการเจริญเติบโตที่ชะลอตัวลงและแรงกดดันทางราคาที่ซบเซาลง การปล่อยเงินกู้จะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนและมีอายุคงเหลือ 2 ปี โดยเงินกู้ดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราเงินเฟ้อและคงสถานะของเงื่อนไขของการกู้ที่ดี นอกจากนี้ธนาคารกลางยุโรปยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปี 2019 ลดลงอย่างมหาศาล จากที่คาดไว้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตขึ้น 1.7% บัดนี้ธนาคารกลางยุโรปคาดไว้เพียง 1.1% สำหรับปีนี้ ส่วนตัวเลข CPI คาดไว้ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% นอกจากนี้ยังมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของปี 2020 และ 2021 ด้วย แต่ไม่ได้ปรับลดลงมากเท่าไรนัก
ปัจจัยที่ทำให้เงินยูโรตกต่ำคือการเปลี่ยนแปลงทิศทาง ซึ่งธนาคารกลางยุโรปเป็นผู้ส่งสัญญาณอันทรงพลังแก่ตลาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปี 2019 จากเดิมที่จะสิ้นสุดแค่ภายในฤดูร้อนที่จะถึงนี้
สืบเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในประเทศอิตาลี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีที่เป็นไปในทางลบ อีกทั้งความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีการทำข้อตกลง Brexit จากสหราชอาณาจักร ส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอันเป็นผลลัพธ์มาจากลัทธิคุ้มครองทางการค้า ธนาคารกลางยุโรปจึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกโครงการปล่อยกู้ระยะยาวสำหรับภาคธุรกิจครั้งใหม่ และเร่งเยียวยาเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความเสียหาย แต่ไม่ใช่ทุกภูมิภาคที่กำลังประสบปัญหา การเติบโตของประเทศฝรั่งเศสยังคงดำเนินไปอย่างมั่นคง และประเทศสเปนเป็นประเทศที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 4 ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจฝั่งยุโรป แต่เนื่องด้วยภาษีรถยนต์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา ฉะนั้นธนาคารกลางยุโรปจึงยังคงนิ่งนอนใจไม่ได้ อ้างอิงจากคำพูดของนายดรากีที่กล่าวว่า ความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเป็นไปในด้านลบ แม้ว่าจะมีโครงการปล่อยกู้ระยะยาวสำหรับภาคธุรกิจครั้งใหม่ ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางยุโรปจึงไม่สามารถหยุดยั้งผลกระทบจากลัทธิคุ้มครองทางการค้าหรือ Brexit ได้เลย การกระทำครั้งนี้เปรียบเสมือนผ้าพันแผลที่ปิดแผลไม่มิดและอาจทำให้ปัญหาลุกลามอย่างรวดเร็ว
ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลแบบสิบปี ของเยอรมันดิ่งลงสู่ระดับที่ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016 อันได้รับผลกระทบมาจากความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางยุโรป ด้วยอัตราผลตอบแทนเพียงต่ำกว่า .1% จึงเป็นการยากที่จะเชิญชวนผู้ลงทุนเข้ามา ครั้งล่าสุดที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของเยอรมันร่วงลงสู่ระดับดังกล่าว คือช่วงเวลาก่อนหน้าที่คู่สกุลเงิน EUR/USD ดิ่งลงจาก 1.12 ไปยัง 1.10 และลงไปถึง 1.04 เงินยูโรดิ่งลงไปเรื่อย ๆ แต่จะดิ่งลงไปถึงระดับใดก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
ตัวเลข การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ของสหรัฐฯ มีกำหนดการประกาศในวันนี้ และแน่นอนว่าการเติบโตของตลาดแรงงานในเดือนกุมภาพันธ์จะชะลอตัวลงจากเดือนมกราคม อัตราการเพิ่มขึ้นถึง 3.04 แสนตำแหน่งเมื่อต้นปีถือว่าออกมาเกินความคาดหมาย แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกปรับแก้ให้ต่ำลงอันเนื่องมาจากการสั่งปิดหน่วยงานรัฐ ตัวเลข ADP แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงและข้อมูล องค์ประกอบของการว่าจ้าง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตจาก ISM ดิ่งลงสู่ระดับที่ต่ำที่สุดในรอบแปดเดือน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเป็นไปได้ที่รายงานด้านตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ทำให้เงินยูโรอ่อนลง ตราบใดที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมากกว่า 1.6 แสนตำแหน่ง และตัวเลขปรับแก้ของเดือนมกราคมอยู่เหนือ 2 แสนราย ผู้ลงทุนก็ยังสามารถวางใจได้ แต่ตัวเลขที่น่าจับตามองในขณะนี้คือข้อมูลรายได้โดยเฉลี่ยต่อชั่วโมง อ้างอิงจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด มีหลายรัฐที่รายงานสภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวและการขาดแคลนแรงงาน ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณที่ทำให้เราเชื่อว่าการเติบโตของอัตราค่าจ้างจะเพิ่มมากขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ หาก รายได้โดยเฉลี่ยต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 0.3% หรือการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 1.6 แสนตำแหน่งหรือมากกว่านั้น คู่สกุลเงิน EUR/USD จะมุ่งไปสู่ระดับ 1.10 อย่างแน่นอน