SET INDEX วานนี้ปรับฐานต่อ โดยนักลงทุนต่างชาติ และ สถาบันใน ประเทศขายสุทธิ ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมพื้นฐานเช้านี้ยังมีน้ำหนัก ในทางลบ เริ่มจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดัน ของทั้ง DEMAND ที่มีสัญญาณอ่อนตัวตามตัวเลขเศรษฐกิจเชิงลบของ จีน ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของสงครามในภูมิภาคต่างๆ ที่อาจ เปลี่ยนแปลงหลัง ปธน.คนใหม่ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่ง ส่วนอีกเรื่อง หนึ่งเป็นสถานการณ์การเมืองในบ้านเรา โดยความสนใจหลักอยู่ที่คำร้อง ให้ยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งที่อยู่ในศาล รัฐธรรมนูญ (พิจารณาว่าจะรับ หรือไม่รับคำร้อง) และที่ กกต. (พิจารณา ว่าจะยื่นให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคหรือไม่) ภาวะดังกล่าวเมื่อประกอบ กับกำไร3Q67 ที่ต่ำกว่าคาด น่าจะกดดัน SET INDEX ประเมินว่า SET INDEX ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อ โดยปัจจุบันยัง ไม่เห็นแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานใหม่ๆ ที่เข้ามา วันนี้คาดอยู่ในกรอบ 1450 –1465 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CRC, PLANB และTISCO
ราคาน้ำมันดิบดิ่งตัวแรง เน้นสะสมหุ้นกลุ่มใดบ้าง วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลงแรง 2.7% ปิดที่ระดับ 71.8 เหรียญฯ/ บาร์เรล จากเนักลงทุนยังคงผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมา น้อยกว่าตลาดคาด และตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่าง CPI ที่ล่าสุดออกมาชะลอตัวลงจาก เดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงปัญหาเงินฝืดของจีน ซึ่งส่งผลต่อ DEMAND น้ำมันดิบที่ ประเทศจีนใช้น้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลก ส่วนอีกประเด็นที่กดดันราคาน้ำมันดิบ คือ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล (GIDEON SAAR) ระบุว่า อิสราเอลจะตกลงหยุดยิงก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองว่ากลุ่มฮิซบอล เลาะห์จะไม่อยู่บริเวณชายแดนอิสราเอล และต้องไม่ได้รับอาวุธล็อตใหม่เข้ามาเสริม กำลังพล แม้ปัจจัยดังกล่าวจะยังไม่ได้มีความชัดเจนของผลลัพธ์ อย่างไรก็ตามถือเป็น ปัจจัยความหวังของนักลงทุนว่ามีโอกาสเห็นความร้อนแรงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
ซึ่งประเด็นดังกล่าว หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยเดือน พ.ย. 67 ลดลงใกล้หลุด 70 เหรียญฯแล้ว จึงอาจเห็นอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทยอยลดลงตามลำดับ ซึ่งอาจส่งผลให้การใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางต่างๆ มี โอกาสเกิดเร็วและแรงขึ้นในอนาคต
ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบลดลง ได้แก่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง ,ขนส่ง, เกษตร-อาหาร และเช่าซื้อ
การเมืองไทยร้อนขึ้น ห่วงกระทบนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ความไม่แน่นนอนทางการเมืองไทย มักเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นบ้านเรา ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศ รวมถึงการเดินหน้า นโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยด้วย ขณะที่วานนี้มีความคืบหน้าประเด็น “6 คำร้อง” ทนายธีรยุทธ ยื่นตรวจสอบ พฤติกรรมของทักษิณและพรรคเพื่อไทย โดยล่าสุดอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือ หนังสือชี้แจงการดำเนินการ-รวบรวมหลักฐาน ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 67 ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดถกพิจารณา 'รับ-ไม่รับ' คำร้องดังกล่าว ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ นอกจากนี้ยังมีคำร้องทางการเมืองไทยที่น่าติดตามคือ “6 คำร้อง” ที่ยื่นต่อ กกต. ให้ พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมฯ โดยต้องจับตา กกต. จะยื่นคำร้องต่อให้ศาล รธน. พิจารณาหรือไม่ คาดเห็นความคืบหน้าช่วงปลาย พ.ย. 67
ีกหนึ่งประเด็น คือ ผลการประชุมบอร์ดแบงก์ชาติวานนี้ มีมติให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย คนถัดไป แทน นายปรเมธี วิมลศิริ ที่สิ้นสุดวาระลงเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ประธานกรรมการฯ จะนำเสนอชื่อต่อ ครม. ให้ความเห็นชอบ และทูลเกล้าฯ เพื่อทรง แต่งตั้งต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการ ธปท. มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางกรอบ และกำหนด นโยบายของ ธปท. อย่างไรก็ตาม แม้อำนาจหน้าที่ประธานบอร์ด ธปท. จะไม่สามารถ ปลดหรือตั้งผู้ว่า ธปท.ได้ รวมถึงไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ กนง.ได้ แต่ นักวิชาการหลายท่าน ยังมีข้อกังวลต่างๆ อาทิ หวั่นแทรกแซง ธปท. เพื่อสนอง นโยบายรัฐ, หวั่นลดความเป็นอิสระของ ธปท. ผ่านการแก้กฎหมาย, แก้กฎหมาย แบงค์ชาติ โอนหนี้กองทุน FIDF อยู่ภายใต้ธปท. ฯลฯ สรุป ทางการเมืองของบ้านเรา ที่มีแนวโน้มร้อนแรงขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นยุบ พรรคเพื่อไทย รวมถึงความกังวลต่อการเป็นอิสระเดินหน้าโยบายการเงินของ ธปท. อาจกดดันให้ตลาดหุ้นผันผวน และอาจเป็นแรงผลักดันให้ FUND FLOW ไหลออก
SET ยังผันผวน เม็ดเงินไหลออก และมี DOWSIDE จากการปรับ ประมาณการลง SET INDEX ยังคงผันผวน เม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลออกต่อเนื่อง ติดต่อกัน 4 วันทำ การ -5.9 พันล้านบาท ท่ามกลางค่าเงินบาทที่อ่อนค่า รวมถึงสถาบันฯ ยังสลับมาขาย สุทธิ 2 วันทำการ -1.5 พันล้านบาท
ีกทั้งยังเห็น DOWNSIDE ของการปรับประมาณการกำไรลง หลังกำไรงวด 3Q67 ที่มี แนวโน้มลดลง QOQ, YOY และยังต่ำคาดมาก ซึ่งในเดือนนี้เห็น CONCENSUS เร่ง ปรับ EPS67F ลงมาแล้ว 2 บาทต่อหุ้น เหลือ 88 บาท/หุ้น และมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับ ลดลงอีก
ดังนั้น ในช่วงนี้หุ้นที่กำลังประกาศงบมีโอกาสผันผวนมากกว่าปกติ และกดดันให้ตลาด หุ้นไทยผันผวนเป็นพิเศษ แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุน และถือเงินสด บางส่วนราว 20% - 30% ของพอร์ต ในช่วงบริษัททยอยประกาศงบ 3Q67
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities