💎 เปิดเผยหุ้นราคาถูกที่ซ่อนอยู่ในตลาดเริ่มต้นเลย

SET INDEX ดูตึงตัว (แต่ยังไม่ขาด)

เผยแพร่ 18/10/2567 09:39
SETI
-

การปรับตัวขึ้นมาใกล้บริเวณ 1500 จุด ของ SET INDEX ในทาง TECHNICAL เริ่มพบสัญญาณ OVERBOUGHT ออกมาบางส่วน ขณะที่ปัจจัยแวลดล้อมอื่นๆ พบว่า แรงซื้อจากสถาบันในประเทศเฉพาะ อย่างยิ่งจาก วายุภักษ์ เริ่มผ่อนลง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขาย สุทธิส่วนรูปแบบการปรับขึ้นของ SET INDEX มีการกระจุกตัวอยู่ที่หุ้น ไม่กี่บริษัท เช่น DELTA, GULF, INTUCH, ADVANC และ TRUE เป็นต้น ซึ่งถือเป็นภาพการขึ้นที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร ในอีกมุมหนึ่งหากดูตัวเลข UPSIDE 12 เดือนข้างหน้าของ SET INDEX ที่ประมวลผลโดย BLOOMBERG พบว่าลดลงจากเฉลี่ย 17.5% เหลือเพียง 7% จาก สัญญาณดังกล่าว ทำให้เราเห็นว่า SET INDEX อยู่ในภาวะที่ตึงตัว ปัจจัย ที่ต้องติดตามใกล้ชิดได้แก่สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียด ประเมินว่า SET INDEX อยู่ในภาวะที่ตึงตัวมากขึ้น แม้ยังมีโอกาสที่จะปรับ ขึ้นไปเหนือ 1500 จุดได้ แต่ในเชิงกลยุทธ์ต้องระมัดระวังมากขึ้น กรอบวันนี้ 1478 –1510 จุด หุ้น TOP PICK เลือก AP, CPAXT และ WHA

ดอกเบี้ยขาลง ทำตลาดหุ้นดีใจ แต้ต้องระวังมากขึ้นเรื่อง สงคราม – เศรษฐกิจจีนฟื้นช้า วานนี้ สหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ (รายละเอีดยดังรูปด้านล่าง) ซึ่ง ภาพรวมยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวเศรษฐกิจอย่างมีนัยฯ ขณะที่ตลาดแรงงาน สหรัฐฯ ดูยังไม่ค่อยป็นที่กังวลมากนัก ขณะที่ตลาดฯ คาดโอกาสการปรับลด ดอกเบี้ยของ FED ยังเป็น 2 ครั้งเช่นเดิม ปลายปีจะอยู่ที่ 4.5%

ขณะที่วานนี้ ECB มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25% ตามคาด ทำให้ในปีนี้ ดอกเบี้ยลดลมาแล้ว 0.75% (ลด 3 ครั้ง) และการประชุมรอบ 12 ธ.ค.67 มีโอกาสเห็น การปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในปีนี้ หลังเงินเฟ้ออย่ในระดับต่ดกว่ากรอบ เป้าหมาย 2% และเศรษฐกิจไม่ได้ร้อนแรง สำหรับบ้านเรา กนง. มติ 5:2 ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% เมื่อ 16 ต.ค. 67 ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่เข้าสู่วัฏจักรขาลง หนุนให้เงินบาทชะลอการ อ่อนค่าลงไปได

กระแสดอกเบี้ยขาลง หนุนให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ระยะ ถัดไปอาจต้องระมัดระวังมากขึ้นจากแรงกดดัน 2 เรื่องหลักๆ ได้แก่

1. ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์มีโอกาสทวีความรุนแรงมากขึ้น หากมีการตอบ โต้กลับระหว่างอิสราเอล – อิหร่าน ขณะที่ล่าสุดเสี่ยงมีฉนวนใหม่เพิ่มเติม จากกรณีอิสราเอลสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส (ยายาห์ ซินวาร์) เมื่อ 17 ต.ค. ที่ ผ่านมา ซึ่งผลกระทบเชิงลบอาจลามไปยังภาคการค้าระหว่างประเทศชะงัก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูง รวมถึงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

2. เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า หลังรัฐบาลจีนแถลงมาตรการกระตุ้นต่างๆ ยัง ขาดรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งในมิติของเม็ดเงินและเวลาที่จะดำเนินการ โดยใน เช้านี้เวลา 9.00 น. รอติดตามชุดตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของจีน อาทิ GDP GROWTH 4Q67 ซึ่ง CONSENSUS คาดขยายตัวเพียง +4.5%YOY เติบโตน้อยกว่าไตรมาสก่อนที่ +4.7%YOY

มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทั้งจีน-ไทย ส่งผลต่อเศรษฐกิจแค่ไหน หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง ปลายเดือน ก.ย.67 โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ธ.พ. และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้ กระตุ้นการบริโภค ซึ่งล่าสุด รัฐบาลจีนประกาศมาตรการเพิ่มเติมหนุนโครงการที่อยู่ อาศัย มูลค่ารวมราว 19 ล้านล้านบาท หวังพยุงภาคอสังหาฯ ให้พ้นวิกฤต อาทิ การ ขยายสินเชื่อโครงการบัญชีขาว และ สินเชื่อรีโนเวตบ้าน 1 ล้านหลังในยูนิตแรก ซึ่งน่าจะ ช่วยหนุนให้ GDP GROWTH ปีนี้โตแตะระดับ +5%YOY ดังที่รัฐบาลจีนหวังไว้ได้

ส่วนบ้านเรากระทรวงการคลังมีแนวคิดออก 2 โปรเจกต์กระตุ้นอสังหาฯเช่นกัน คือ การจัดสินเชื่อ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง" บ้านและคอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท ซึ่งจะชงเข้า ครม.เร็วๆนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯไปศึกษาข้อมูลในอดีตของ GDP GROWTH ตั้งแต่ช่วง 1Q22-2Q24 กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ เติบโตเพียง 0.5%(มี สัดส่วนราว 4.3% ของ GDP) ซึ่งถือว่าโตต่ำกว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉลี่ย เล็กน้อย ดังรูปด้านล่าง ดังนั้นหากมาตรการดังกล่าวออกมาจริง คาดเป็นปรงพยุงให้ GDP GROWTH ไทย ทยอยเติบโต และเข้าใกล้เป้าหมายที่กระทรวงการคลังคาดว่า GDP GRWOTH ปีนี้ จะ โต +3%YOY ส่วนผลบวกต่อราคาหุ้นอสังหาฯ อาจมีไม่มาก เนื่องจาก 2 ข้อเรียกร้องหลักที่ ผู้ประกอบการนำเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่ การผ่อนคลายเกณฑ์เรื่อง LTV และ การเพิ่ม สิทธิ์ให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ ในบ้านเรามากขึ้น ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

สรุป เศรษฐกิจจีน-ไทยดูดีขึ้นหลังรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพิ่มเติม หนุน FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากกว่าออกในช่วงสั้น ส่วนหุ้นที่คาด ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งบริษัทที่ฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ โดยให้ RECOMMEND OUTPERFORM คือ AP SPALI SC SIRI เป็นต้น

แรงหนุนเริ่มแผ่ว VALUATION เริ่มตึง SET มีโอกาสผันผวน มากขึ้น ในเดือน ต.ค. SET INDEX ขึ้นมาแรง +3.2% หรือ 46.2 จุด มาอยู่ที่ 1495 จุด และเป็น การทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี โดยได้แรงหนุนจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ 1) การประกาศ ลดดอกเบี้ยของ กนง. 0.25% ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี 5 เดือน ตามกลไก หนุนตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น 2) เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ หนุนให้เดือนนี้ สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยทุกวันในเดือนนี้ ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 3.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯ สังเกตว่า แรงหนุนตลาดหุ้นไทยเริ่มแผ่ว VARUATION เริ่ม ตึง ระยะถัดไปอาจกดดันให้ SET INDEX มีโอกาสผันผวนมากขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. เม็ดเงินหนุนตลาดเริ่มชะลอลง โดยปัจจุบันแรงซื้อหุ้นจากกองทุนวายุภักษ์ เริ่มชะลอลง สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อหุ้นจากสถาบันฯ ชะลอลงเหลือ เพียง 5.1% ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น ลดลงจากสูงสุดช่วงต้นๆเดือนที่ 8.8% และมากกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนการซื้อปกติ เฉลี่ยในเดือน ม.ค. - ก.ย. ที่ 4.7% และยังเห็นการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันฯ ต่อวัน ลดลง ปัจจุบันเป็นเพียงหลักร้อยล้านบาท จากเคยซื้อสุทธิต่อวัน 3 – 4 พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง

2. VALUATION ของ SET INDEX เริ่มตึงๆ หลังจากขึ้นมาแรง โดยช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมา SET INDEX ขึ้นมาเร็ว 16% หรือ 206 จุด มาอยู่ที่ 1495 จุด ทำให้ UPSIDE ของ SET INDEX จาก BLOOMBERG CONSENSUS ในช่วง 1 ปี ข้างหน้าที่ 1601 จุด แคบลงมาเร็วมากเหลือ UPSIDE เพียง 7% (ในภาวะ ปกติ SET INDEX จะซื้อขายบน UPSIDE 1 ปีข้างหน้าราว17.5%) และข้อมูล ในอดีตเวลา UPSIDE ของ SET ใน 1 ปีข้างหน้า เหลือไม่ถึง 10% มีโอกาสที่ จะเห็นการปรับฐานลงมาบ้างในระยะถัดไปได้

สรุป SET INDEX ที่ขึ้นมาเร็ว แต่แรงหนุนเริ่มแผ่ว VALUATION เริ่มตึง อาจทำให้ระยะ ถัดไป SET มีโอกาสผันผวนมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือเงินสด บางส่วน 10% - 20% ส่วนการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตต้องพิถีพิถันมากขึ้น เน้นหุ้น พื้นฐานดี มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และมี UPSIDE มากกว่าตลาด แนะนำ GPSC MTC TASCO CK BEM ADVANC BDMS BJC CPAXT AP เป็นต้น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย