สถานการณ์ในตะวันออกลางยังติดตามใกล้ชิด เฉพาะอย่างยิ่งช่วง วันหยุดยาวของบ้านเรา โดยเห็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดการโจมตี กลับไปที่อิหร่านของอิสราเอล ความเสี่ยงดังกล่าวสะท้อนผ่านออกมามา ทางราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่วนในบ้านเรามีประเด็นยื่นคำร้องต่อศาล รัฐธรรมนูญ ใน 6 ฐานความผิดซึ่งในกรณีเลวร้าย อาจนำไปสู่การ เปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ ความเสี่ยงที่มาจากทั้งการเมืองโลก และ การเมืองในบ้านเรา มีโอกาสสร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX ในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพตลาดการเงิน เรายังเห็นสัญญาณการ ปรับลดดอกเบี้ย โดยหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.ของ สหรัฐฯ ที่ 2.4% YOY สูงกว่าคาดที่ 2.3% ยังเห็นตัวเลขโอกาสที่ FED จะปรับลด ดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน พ.ย. ถึง 87% เริ่มเห็นสัญญาณของแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองเข้ามาสู่ตลาดฯมาก ขึ้น ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของ SET INDEX ผันผวนง่ายขึ้นวันนี้คาด 1462 –1480 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CK, CPAXTและ GPSC
เงินเฟ้อ US สูงกว่าคาด แต่ยังไม่ถึงขั้นน่าเป็นห่วง ราคาน้ำมันดิบโลกผันผวนค่อนข้างแรงนับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัย ที่เข้ามากระทบช่วงนั้นๆ โดยวานนี้ ราคาน้ำมับดิบโลกพุ่งขึ้นแรงอีกครั้งราว 3.7% ทำ ให้ WTI แตะ 75 เหรียญฯ/บาเรล สำหรับแรงหนุนที่ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้นมีทั้ง
• SUPPUY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ จากกระแสความตึงเครียด ตะวันออกกลางที่เข้ามาเป็นระยะๆ โดยล่าสุดสหรัฐฯ หารืออิสราเอล เพื่อ ตอบโต้กลับอิหร่าน (กรณีอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในอิสราเอลเมื่อ 1 ต.ค. 67) นอกจากนี้ยังมีประเด็นพายุเฮอร์ริเคนมิลตันเคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐ ฟลอริดา
• DEMAND มีโอกาสสูงขึ้น หากเศรษฐกิจจีนฟื้นได้จริง หลังรัฐบาลจีน ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงปลายเดือน ก.ย.67 และคาดหวังการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านนโยบายการคลัง เพิ่มเติม ที่จะมีการแถลงในวันเสาร์นี้ (12 ต.ค.67
ผลพวงที่ตามของราคาน้ำมันพุ่งขึ้น จะหนุนให้เงินเฟ้อขยับขึ้น แต่ในทางกลับกันหาก ราคาน้ำมันชะลอตัวลง มักจะกดดันให้เงินเฟ้อทยอยปรับตัวลดลงเช่นกัน สอดคล้อง กับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย.67 ขยายตัว +2.4% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ +2.5% ตามการหดตัวกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตาม แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนล่าสุดจะออกมาสูงกว่าตลาดคาด รวมถึงกรณี แนวโน้มราคาน้ำมันขยับขึ้นจากปัจจัยข้างต้น แต่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะถัดไปจะปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากโครงสร้างเงินเฟ้อสหรัฐฯ สินค้า กลุ่ม ENERGY COMMODITY มีน้ำหนักราว 3.8% เบื้องต้นประเมินราคาน้ำมันที่ เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะผลักให้ดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.04%
นอกจากนี้ หากพิจารณาจาก BLOOMBERG MODEL ภายใต้สมมติฐาน เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน (SHOCK) เกิดขึ้นใน 4Q67 โดยราคาน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มขึ้น +20 $/BARREL (BASELINE F 80 $/BARREL ) และ DOLLAR แข็งค่าขึ้น +5% (BASELINE F 122.9 จุด ) พบว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อ เทียบกับสถานการปกติ จาก +3%YOY ขยับขึ้นเป็น 3.23%YOY ก่อนที่จะค่อยๆ ทยอยปรับตัวลดลงในท้ายที่สุด
สรุป ราคาน้ำมันผันผวนไปตามปัจจัยที่เข้ามากระทบในช่วงนั้นๆ โดยล่าสุดมีกระแส ความตึงเครียดตะวันออกกลาง และคาดหวัง DEMAND ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจีน หนุนราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น ได้แก
กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจน้ำมันที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน คือ PTTEP, BCP ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คือTOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน กรณีหากราคาน้ำมันไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมี นัยฯ เชื่อว่า ROADMAP วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง จะมีมุมมองที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจาก เดิม หรือเห็นการปรับลดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปของ FED
การเมืองไทยเริ่มระอุ กดดัน SET ผันผวน ให้ช่วงคำตัดสิน วานนี้ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ได้ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เลิกทำการที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่ การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49ซึ่งรายละเอียดมีด้วยกัน 6 ข้อหลัก ดังรูปด้านล่าง ซึ่งกระบวนการต่อไป คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ โดยหากเปรียบเทียบกับ TIMELINE คดียุบพรรคก้าวไกล ศาลใช้เวลาราว 2 เดือนในการพิจารณารับ และใช้ เวลารวมกว่า 6 เดือนในการตัดสินคดีความ
ขณะที่ในมุมตลาดหุ้นไทย ปัจจัยการเมืองร้อนแรง เคยกดดัน FUND FLOW ไหลออก หุ้นไทยติดต่อกัน 26 วันทำการ (ช่วง พ.ค. - ก.ค. 24) เป็นการขายติดต่อกันที่ ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ พร้อมกับมีสัดส่วน SHORT SELL สูงถึง 13% -17% ของมูลค่าซื้อขาย ซึ่งในปัจจุบัน FUND FLOW ต่างชาติไหลออก 12 วัน ิด มูลค่าราว 2.07 หมื่นล้านบาทแล้ว(รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป) จึงทำให้ อาจเห็นความผันผวนของ SET ได้ในช่วงรอคำตัดสิน สรุป การเมืองไทยกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังนายธีรยุทธได้ยื่นคำร้องขอศาล รัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยความผิดของนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจกดดันให้ SET ผันผวน ให้ช่วงคำตัดสินได้ โดยวันนี้คาดกรอบ SET อยู่ในช่วง 1460-1480 จุด
FUND FLOW ไหลออก 12 วัน แต่ทำไมหุ้นใหญ่ยังขึ้นเด่น? ในช่วงที่ผ่านมา แม้ต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นในภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ถูกขาย สุทธิติดต่อกันนาน 12 วันทำการ ด้วยมูลค่ากว่าสูงถึง -2.07 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับ FUND FLOW ที่ชะลอหรือไหลออกหุ้นในกลุ่ม TIP ช่วง 25 ก.ย. – 10 ต.ค. 67 กดดันตลาดหุ้นอินโดฯ -3.8%, ตลาดหุ้นฟิลิปินส์ -0.3% แต่ตลาดหุ้นไทย กลับยังบวกได้ 0.4% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกองทุนวายุภักษ์คอยหนุนพยุงตลาดฯ และยังสังเกตได้ว่า ดัชนีหุ้น ขนาดใหญ่ อย่าง SET50 ปรับขึ้นได้เด่น และ OUTPERFORM กว่า SET +1.1% แต่ ดัชนีหุ้นขนาดเล็ก อย่าง MAI ปรับลง -3.1% แสดงให้เห็นว่า สถาบันฯ หรือกองทุน วายุภักษ์เน้นและให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก
สรุป เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ ช่วยสนับสนุน SET INDEX ให้มี DOWSIDE จำกัด กว่าตลาดหุ้นอื่น อีกทั้งยังเป็นการเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก กลยุทธ์การ ลงทุนช่วงนี้แนะนำหุ้นขนาดใหญ่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว3 ธีม
▪ เก็งกำไรหุ้นน้ำมัน, หุ้นอิงจีนกระตุ้นเศรษฐกิจเสาร์นี้ PTT (BK:PTT), PTTEP, TOP, PTTGC, IVL, NER, STA, AOT (BK:AOT)
▪ หุ้นกำไร 3Q เด่น CK, GPSC, BDMS, CENTEL, CBG, MTC, BEM
▪ หุ้นได้ SENTIMENT คาดหวัง MSCI เพิ่มน้ำหนัก หรือกลับเข้ามาในดัชนี 6 พ.ย. นี้MTC, GPSC, IVL
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities