สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเห็นพัฒนาการเชิงบวกของ SET INDEX ขึ้นมา ตามลำดับโดยล่าสุดมาอยู่เหนือ 1330 จุดได้ อย่างไรก็ตามเมื่อประเมิน จากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ อาจทำให้SET INDEX กลับมาอยู่ ภายใต้แรงกดดันอีกครั้ง โดยที่ในต่างประเทศมีเหตุลอบยิง อดีต ปธน.ทรัมป์ ในขณะที่กำลังปราศรัยหาเสียง แม้จะไม่ได้บาดเจ็บมากแต่ก็ น่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินได้ในระยะต่อไป ส่วนใน บ้านเราก็มี กรณีEA ซึ่งผู้บริหารถูกกล่าวโทษโดย กลต. ซึ่งเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของการออกเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ และการไถ่ถอน คืนหุ้นกู้ชุดเดิม ทำให้เกิดความกังวลตามมาหลายประการ ซึ่งน่าจะ กระทบต่อ SENTIMENT ของหุ้น EA รวมถึงภาพรวมของตลาดการเงิน ในเชิงกลยุทธ์ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น ทาง TECHNICAL SET INDEX มีทิศทางที่ดีขึ้น แต่จากปัจจัยแวดล้อม พื้นฐานวันนี้ที่มีน้ำหนักทางลบ อาจทำให้เกิดความผันผวน คาดกรอบ 1320 –1338 จุด TOP PICK เลือก BEM, CENTEL และ CPN
โดนัลด์ ทรัมป์โดนยิง ส่งผลให้การเลือกตั้งสหรัฐฯ มีความ เข้มข้นขึ้น หลังนายโดนัลด์ทรัมป์ได้ถูกคนร้ายลอบยิงในระหว่างการปราศัยหาเสียงในเมืองบัต เลอร์ รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซึ่งเหตุกาณณ์ความไม่สงบดังกล่าว ทำให้ โพลคะแนนการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยล่าสุดอ้างอิงจาก THE ECONOMIST พรรค REPUBLICAN ได้คะแนนความนิยม 46 คะแนน นำพรรค DEMOCRATIC ที่ได้ 44 คะแนน ซึ่งก่อนหน้านี้คะแนนของทั้ง 2 พรรคอยู่ใกล้เคียงกัน
ซึ่งหากผลโพลมีความแม่นยำ และการเลือกตั้งสหรัฐฯวันที่ 17 พ.ย.67 ออกมาว่า พรรค REPUBLICAN ชนะ นักลงทุนอาจต้องรับมือผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ที่ เคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ การลดภาษีเงินได้, TRADE WAR สหรัฐ-จีน, การเก็บภาษี สินค้านำเข้า10% จากทั่วโลก, ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ, สนับสนุนพลังงาน เก่า(ถ่านหิน) และอื่นๆ ซึ่งหากพิจารณาจากผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ ในช่วงปี 2017-2021 ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ บริหารสหรัฐฯ ซึ่งสินทรัพย์ที่ปรับตัวได้ดี คือ ค่า BDI INDEX +97.6%, ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DOW JONES +57.3% S&P500 +69.6% และค่าเงิน DOLLAR INDEX ที่อ่อนค่า 10.2% ส่งผลให้ THAI BAHT แข็งค่า 15.3% ดังรูปด้านล่าง ซึ่งหุ้นไทยที่คาดได้SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว คือ TTA PSL RCL AMATA WHA PTTEP BANPU BDMS เป็นต้น ส่วนที่คาดว่าได้ SENTIMENT เชิง ลบ คือ กลุ่มส่งออก และชิ้นส่วนฯ
สรุป กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิง ส่งผลให้ต่อทิศทางการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดย ล่าสุดอ้างอิงจาก THE ECONOMIST ให้ความเห็นว่าพรรค REPUBLICAN ได้ คะแนนความนิยม 46 นำพรรค DEMOCRATIC ที่ได้คะแนน 44 ซึ่งหากพรรค REPUBLICAN ชนะ สินทรัพย์ที่ปรับตัวได้ดี คือ ค่า BDI INDEX +97.6%, ตลาดหุ้น สหรัฐฯ DOW JONES +57.3% S&P500 +69.6% และค่าเงิน DOLLAR INDEX ที่ อ่อนค่า 10.2% อาจมีผลให้ THAI BAHT แข็งค่า 15.3% ทั้งนี้ตามสถิติในอดีต
หวังเศรษฐกิจไทยโตเกินคาดใน 2H67 หนุน SET ฟื้นตัว ศักยภาพเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเผชิญปัญหาเชิง โครงสร้างภายในประเทศ กดดัน GDP GROWTH เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์หลายไตร มาสติดต่อกัน ซึ่งมักจะตามมาด้วยการย่อตัวของตลาดหุ้นไทย อาทิ ช่วง 1Q62- 4Q62 และ 2Q66-4Q66 เป็นต้น แต่ในทางกลับกันช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นทยอยฟื้นตัวได้สูงกว่าคาดการณ์ มันจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นตามไปด้วย อาทิ ช่วง 1Q66-1Q65เป็นต้น
ขณะที่ระยะถัดไปคาดหวังเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตแบบขั้นบันได โดย BLOOMBERG คาดการณ์ GDP GROWTH ใน 2Q67 +2.1%YOY, 3Q67 +2.8%YOY, 4Q67 +3.8%YOY และตลอดปี 2567 คาดไว้อยู่ที่ +2.6%YOY ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ SET มี แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว รวมถึง SET ยังมีโอกาสขยับตัวสูงขึ้น มอง ว่าสาเหตุหลักมาจากบทบาทของนโยบายต่างๆ ของภาครัฐที่ทยอยเดินหน้า ไม่ว่าจะ เป็นการปรับเกณฑ์ TESG ใหม่, การฟื้นกองทุนวายุภักษ์, โครงการ DIGITAL WALLET และล่าสุดวันนี้ (15 ก.ค.67) จะเริ่มมาตรการวีซ่าฟรี 93 ประเทศเข้าไทย (เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ 57 ประเทศ) เพื่อดึงนักท่องเที่ยวช่วง LOW SEASON
สรุป คาดหวังเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตแบบขั้นบันได เชื่อว่าจะช่วยให้ SET มีแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ท่ามกลางการเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ต่างๆ ของภาครัฐ ส่วนวันนี้มีประเด็นกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากเรื่องของ EA อาจจะกดดันให้ SET INDEX ผันผวนได้ ซึ่งรายละเอียดสามารถติดตามอ่านได้ใน บทวิเคราะห์ NEWS PLUS วันนี้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities