Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) นอกจากนี้ ควรรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
**ราคาทองคำ = Spot Gold price (XAUUSD)
FX Highlight
- สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด จากการส่งสัญญาณของเฟดที่ไม่ได้ออกมาในเชิง hawkish ไปมาก อย่างที่ตลาดกังวล อีกทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ และโฟลว์ซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนบอนด์ระยะยาว
- โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นชะลอลง ทว่าเงินบาทก็ยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน ทำให้เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways
- สัปดาห์นี้อาจมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้
- แม้จะไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ มากนัก ทว่า เงินดอลลาร์ก็อาจผันผวนไปตามทิศทางของสกุลเงินหลัก ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ได้
- โดยในส่วนของเงินปอนด์นั้นจะต้องรอลุ้น ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่หาก BOE ส่งสัญญาชัดเจนว่าพร้อมลดดอกเบี้ย ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์ผันผวนอ่อนค่าลง และช่วยให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้
- สำหรับเงินเยนนั้น การแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจชะลอลงบ้าง (จนกว่าตลาดจะเห็นการเปลี่ยนนโยบายการเงินของทั้งเฟดและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ชัดเจนขึ้น เช่น เฟดเริ่มลดดอกเบี้ย ส่วน BOJ ทยอยขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้นต่อชัดเจนได้) ทำให้เงินเยนมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่การอ่อนค่าก็อาจจำกัดอยู่ หลังทางการญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา
- นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดควรรอจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีน และบรรยากาศในตลาดการเงินจีน/ฮ่องกง
- อนึ่ง หากบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวม “เปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)” ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์มีความน่าสนใจน้อยลง และผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์ได้บ้าง
- สำหรับ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มกลับมาทยอยซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ ทั้งในส่วนหุ้นและบอนด์ จากความกังวลแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทที่ชะลอลงบ้าง อย่างไรก็ดี ประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจกลับมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดการเงินได้
- ทั้งนี้ โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจสูงราว 1.3 หมื่นล้านบาทในสัปดาห์นี้ อาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจากทั้ง RSI MACD และ Stochastic (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้แผ่วลงมากขึ้น และเงินบาทก็มีโอกาสแกว่งตัว sideways โดยต้องจับตาโซนแนวรับแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ (หากแข็งค่าขึ้นชัดเจน จะมีแนวรับถัดไป 36.30 บาทต่อดอลลาร์ )
- ส่วนของ Time Frame ที่สั้นลง เช่น H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI MACD และ Stochastic ต่างสะท้อนว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways หรืออ่อนค่าลงได้บ้าง หลังแข็งค่าทดสอบโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ล่าสุด โดยมีโซนแนวต้านแรกแถว 36.85 บาทต่อดอลลาร์ (โซนถัดไป 37.00-37.10 บาทต่อดอลลาร์)
Gold Highlight
- ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งโดยรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัว sideways และราคาทองคำก็ยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน
- เรามองว่า แนวโน้มราคาทองคำจะขึ้นกับ ทิศทางเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากปัจจัยแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยในสัปดาห์นี้ ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ ในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุม BOE (ที่จะมีผลต่อเงินดอลลาร์ได้) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
- ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงมีความผันผวนอยู่ (มีทั้งข่าวการเจรจาหยุดยิง และข่าวการยกระดับการโจมตีเมืองราฟาห์) ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ โดยความกังวลสงครามอาจหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้บ้าง ขณะที่ หากความกังวลลดลงชัดเจน เช่นมีการเจรจาหยุดยิง ก็อาจกดดันให้ราคาทองคำผันผวนลดลงได้พอสมควร
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า ราคาทองคำยังคงเสี่ยงปรับฐานต่อได้ หรืออาจแกว่งตัว sideways ทว่า สัญญาณจาก Stochastic ชี้ว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้บ้างหรือแกว่งตัว sideways ส่วนสัญญาณจาก Time Frame ที่สั้นลง อย่าง H4 และ H1 ชี้ว่า ราคาทองคำอาจแกว่งตัว sideways ไปก่อน จนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม