SET INDEX วานนี้ลงมาทดสอบบริเวณ 1350 จุด ก่อนที่จะดีดขึ้นไป ซึ่งถือเป็น การทดสอบครั้งที่ 4 จากการประเมิน VALUATION ที่บริเวณ 1350 จุดทาง พื้นฐานที่พบว่ามีระดับค่า PE -1SD และ PBV -2SD ในรอบ 10 ปี อีกทั้ง MARKET EARNING YIELD GAP ยังกว้างถึง 4.25% ทำให้เชื่อว่าที่บริเวณ ดังกล่าวเป็นแนวรับที่มีนัยสำคัญทั้งทาง TECHNICAL และFUNDAMENTAL ใน เชิงกลยุทธ์จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่บริเวณดังกล่าว สำหรับประเด็นที่เราให้ น้ำหนักวันนี้เป็นเรื่อง งบประมาณปี 2568 ซึ่งมีกำหนดนำเข้าสู่สภาฯ ช่วงต้น เดือน พ.ค.67 โดยโครงสร้างงบประมาณมีงบจ่ายลงทุนถึง 9.1 แสนล้านบาท ซึ่ง หากนัยรวมกับงบจ่ายลงทุนปี 2567 ที่ 7.2 แสนล้านบาท ที่จะเริ่มการเบิกจ่ายได้ ในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้แล้ว จะทำให้เห็นงบจ่ายลงทุนรวมสูงถึง 1.63 ล้านล้านบาท ที่จะเบิกจ่ายในช่วง 17 เดือนข้างหน้า เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และ วัสดุก่อสร้าง
ยังเชื่อว่าที่ SET INDEX บริเวณ 1350 จุด เป็นแนวรับที่แข็งแรง ทั้งในมุมของ TECHNICAL และ FUNDAMENTAL แนะนำทยอยซื้อหุ้นเข้าพอร์ต กรอบวันนี้ 1352 –1370 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CENTEL, MTC และ TU
ความเสี่ยงตะวันออกลางตึงเครียดมากขึ้น กดดันสินทรัพย์ เสี่ยงต่อไป
เช้านี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT/WTI ปรับตัวขึ้น 2.5% และ 3.0% จนอยู่ระดับ $88.6 และ $84.3 ตามลำดับ หลังเกิดเสียงระเบิด 3 ครั้ง ที่เมืองทางตอนใต้ของอิหร่าน ซึ่งมี โรงงานนิวเคลียร์ตั้งอยู่ รวมถึงความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ต่อสงครามครั้งนี้มี มากขึ้น โดยมีรายละเอียดรายประเทศ ดังนี้
สหรัฐฯ : สส.สหรัฐเตรียมโหวตงบช่วยเหลือยูเครน-อิสราเอล มูลค่า 9.5 หมื่นล้าน เหรียญฯ อย่างเร็วที่สุดในวันเสาร์นี้ (20 เม.ย.) แม้ถูกคัดค้านหนัก
ยุโรป : ยุโรปจ่อคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่ม โดยจะหารือต่อไปในวันจันทร์หน้า (22 เม.ย.) เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอล เยเมน : ฮูตีประกาศขยายดินแดนโจมตีรวมมหาสมุทรอินเดีย, ตอนใต้ของอิสราเอล จากเดิมที่ทำการโจมตีเรือสินค้าในบริเวณทะเลแดง
อิสราเอล : สำนักข่าวที่น่าเชื่อถือได้แหล่งหนึ่งรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุ ว่า อิสราเอลไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการโจมตีอิหร่าน จนกว่าจะสิ้นสุดเทศกาลปัสกา หรือ PASSOVER ของชาวยิว นั้นหมายความว่า อิสราเอลจะโจมตีอิหร่าน หลัง 29 เม.ย.67 นี
ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถือเป็นปัจจัยผลักให้ราคาน้ำดีดตัว จากฝั่ง SUPPLY ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบด้านการผลิต นอกจากนี้หากพิจารณา ข้อมูลในอดีต ช่วงที่มีจำนวนการตีพิมพ์ข่าวหรือออกบทความเกี่ยวกับ “WAR” ที่พุ่ง สูงขึ้นอย่างมีนัยฯ (เฉลี่ยราว 15,000 ข่าว/วัน) มักกดดัน SET ผันผวนช่วงสั้นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม SET INDEX ไม่น่าจะผันผวนมากเท่าตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องด้วยมีสัดส่วน หุ้นกลุ่มน้ำมันสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักตลาดฯ โดยหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ PTTEP PTT (BK:PTT) PTTG TOP SPRC BCP
สรุป พัฒนาการความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ดูมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผลักดัน ให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง และยังมีโอกาสที่จะกดดัน SET ให้ผันผวนช่วงในสั้นๆ ได้ อย่างไรก็ตาม SET INDEX ไม่น่าจะผันผวนมากนัก เนื่องด้วยมีสัดส่วนหุ้นกลุ่ม น้ำมันสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักตลาดฯ โดยหุ้นที่คาดได้ประโยชน์ คือ PTTEP, PTT PTTGC, TOP, SPRC, BCP
นโยบายการคลังเดินหน้า หวังพา SET วิ่งขึ้น การประชุม ครม. วานนี้ มีมติอนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนลบ. โดยมีรายจ่ายลงทุนอยู่ที่ 9.1 แสนลบ. หรือเพิ่มขึ้น +27%YOY ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ได้กำหนดรายจ่ายลงทุนไว้ที่ 7.2 แสนลบ. ซึ่งมีระยะเวลาเร่งเบิกจ่ายเพียงแค่ 5 เดือน ทั้งนี้หากพิจารณาถึงความ ต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงปี 2567-67 รวมระยะเวลา 17 เดือน น่าจะเห็น เม็ดเงินไหลเข้าสู่ภาคการลงทุนค่อนข้างสูงราว 1.6 ล้านลบ. (เฉลี่ยราว 1 แสนลบ./ เดือน) เชื่อว่าโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ของภาครัฐ จะถูกเร่งดำเนินการ ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง อาทิ SCC, SCCC TASCO, STEC, CK เป็นต้น
ขณะเดียวกัน รมว. คลัง ได้ออกมาเผยว่า ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เข้าเกณฑ์ร้านสะดวก ซื้อ ร้านค้าขนาดเล็ก ใช้จ่ายได้ในรอบแรก พร้อมกับยืนยันว่าการใช้เงิน ธ.ก.ส. 1.72 แสนล้าน เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวกำลังสะท้อนว่า โครงการ DIGITAL WALLET 10,000 บาท ยังคงเดินหน้าต่อไป และน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงิน หมุนเวียนได้ในช่วง 4Q67 จึงคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ตาม เป้าหมายของรัฐบาล หนุนให้ GDP GROWTH บ้านเราโตได้เฉลี่ยอย่างน้อย 2.6%YOY ฝ่ายวิตัยฯ มองว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC CPALL (BK:CPALL) CRC HMPRO เป็นต้น
สรุป นโยบายการคลังกำลังเดินหน้า ที่จะต้องเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภายใน 17 เดือน บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการ DIGITAL WALLET 10,000 บาท ถือเป็นแรงหนุนสำคัญต่อ GDP GROWTH บ้านเราในปีนี้ และน่าจะช่วย ผลักให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้
ตลาดหุ้นย่อ…รอสะสม…เริ่มเห็นสัญญาณกำไร 1Q67 ดี ตลาดหุ้นไทยระหว่างชั่วโมงซื้อขายวานนี้ ปรับตัวลงมาทำจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 1349 จุด จากความกังวลสงครามในตะวันออกกลาง จน UPSIDE ตลาดหุ้นไทยเปิดกว้าง มากเมื่อเทียบกับดัชนีเป้าหมายที่ 1580 จุด
แต่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าในวิกฤตที่ตลาดหุ้นย่อในช่วงนี้ ถือเป็นจุดน่าค่อยๆ ทยอยเข้า สะสมหุ้น ด้วยปัจจัยสนับสนุนให้ฟื้นอยู่ 2 ส่วนหลักๆ คือ
1. ในเชิงกราฟ SET INDEX ย่อมาทดสอบบริเวณใกล้ๆ 1350 จุด 3 ครั้งที่ผ่าน มา ระยะถัดมารีบาวน์กลับไปเหนือ 1400 จุดได้เสมอ ปัจจุบันก็ยังคาดหวังว่า ระยะถัดไปมีโอกาสรีบาวน์กลับได้ ถ้าประเด็นสงครามเริ่มซาๆ ลง
2. แนวโน้มกำไร 1Q67 มีสัญญาณเติบโตดี สะท้อนจาก
2.1. ค่าเงินบาทช่วงไตรมาสที่ 1 อ่อนค่าเกือบ 7% ซึ่งบริษัทจดทะเบียน หลาย SECTOR อาจมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม อาทิ ENERG, FOOD, HELTH, ETRON, PETRO, TOURISM, AUTO, AGRI เป็นต้น โดย SECTOR ทั้งหมดนี้มีสัดส่วนกำไรและ MARKET CAP เกินกว่า 40% ของทั้งตลาดรวมกัน
2.2. ราคาน้ำมันไตรมาสที่ 1 +16% และยังยืนระดับสูงต่อเนื่องมาถึง ปัจจุบัน หนุนหุ้น COMMDITY ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของตลาดฯ มี โอกาสกำไรดีขึ้น รวมถึงมี STOCK GAIN เข้ามาหนุนเพิ่มเติมได้
2.3. ข้อมูล EARNING PREVIEW 1Q67 ล่าสุดเห็นการเติบโตดีจาก BLOOMBERG CONSENSUS ล่าสุดมีรายงานกำไรงวด 1Q67 73 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 56% ของ MARKET CAP) มีกำไรรวมสูง ถึง 1.54 แสนล้านบาท +32% QOQ และ -1.6%YOY)
2.4. ฐานกำไรในของตลาดในงวด 4Q66 อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ เพียง 1.76 แสนล้านบาทเท่านั้น ทำให้กำไร 1Q67 ปีนี้ มีโอกาสเติบโตแรง QOQ และเวลากำไรเติบโต QOQ จากฐานที่ต่ำ SET ก็มักจะปรับตัว ขึ้นได้ดีในระยะถัดไปเสมอ
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ประเด็นภายนอก อย่าง สงครามตะวันออกกลางกดดัน ตลาดหุ้นไทยมาในระดับหนึ่ง ขณะที่ประเด็นทางพื้นฐาน ทั้ง UPSIDE ที่เปิดกว้าง การ ฟื้นตัวของกำไรดูเด่นชัดขึ้นน่าจะช่วยหนุนให้การย่อตัวของ SET INDEX มีอีกไม่มาก และค่อยๆ ฟื้นตัวได้ดีในระยะถัดไป
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities