ความเสียงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส าคัญ หลังจากที่ อิหร่าน โจมตี โดยตรงเข้าไปที่อิสราเอล แม้เกิดความเสียหายจ ากัด แต่ ครม.สงครามของ อิสราเอล อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะตอบโต้อิหร่านในรูปแบบใดต่อไป ซึ่ง สภาวะดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อความรุนแรง และโอกาสที่สงครามจะขยายวง ทั้งนี้ผลพวงที่ตามมา นอกจากความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่าง บ้านเรา กับ ตะวันออกกลาง อาจได้รับผลกระทบแล้ว โดยภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกอาจท า ให้ราคาพลังงานปรับสูงชึ้น ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และมี ผลต่อเนื่องไปยังการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FED WATCH TOOL แสดงผลว่าการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ อาจเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้ง และ เกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.67 มุมมองดังกล่าวท าให้ค่าเงิน USD แข็งค่า ซึ่งเป็นภาพ ที่เป็นลบต่อทิศทางFUND FLOW ที่อาจเข้ามาบ้านเราน้อยลง ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในตะวันออกกลางน่าจะสร้างแรงกดดันต่อ SET INDEX โดยอาจท าให้FUND FLOW ยังไม่กลับเข้ามา วันนี้คาดกรอบ 1380 – 1410 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BJC, MAJOR และ PTTEP
ตะวันออกกลางตึงเครียด หนุน FLOW เข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ความขัดแย้งระหว่างประเทศในโซนตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลัง อิสราเอลโจมตีสถานทูตอิหร่าน ฝ่ายกงสุล ในประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 67 จนมี นายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่อิหร่านเสียชีวิต 7 ราย ส่งผลให้เวลาต่อมา (14 เม.ย. 67) อิหร่านได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยยิงโดรนและขีปนาวุธราว 300 ลูก ไปยังพื้นที่ทางทหารในประเทศอิสราเอล ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด ยังต้องจับตาอย่าง ใกล้ชิดในการโจมตีกลับของอิสราเอล รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ภาพความกลัวการโจมตีในตะวันออกกลางที่ยกระดับความรุนแรงมากขึ้น กดดันให้ สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีตลาดหุ้นหลายประเทศต่างพา กันร่วงลงแรงนับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 67 อาทิ สหรัฐฯ (DOW JONES) -5.1%MTD, เกาหลี -5%MTD, ญี่ปุ่น -4.7%MTD เป็นต้น สวนทางกับสินทรัพย์ปลายภัยที่ขยับ ตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น GOLD SPOT +6.9%MTD รวมถึงดอลลาร์แข็งค่าขึ้นราว +1.6%MTD ทั้งนี้หากความขัดแย้งขยายวงกว้างและทวีความรุนแรง อาจท าให้ราคาพลังงานขยับ ขึ้นต่อเนื่องได้ ขณะที่ราคาน้ ามันดิบ WTI เฉลี่ยล่าสุดเดือน เม.ย. 67 พุ่งขึ้นเหนือ 85 USD/BARREL สูงกว่าปีก่อนราว 7.7%YOY ซึ่งผลกระทบที่ตามมา มีโอกาสท าให้ เงินเฟ้อควบคุมได้ยาก
ขณะที่การตอบสนองของตลาดการเงิน กรณีที่เงินเฟ้อมีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้น อาจ ส่งผลให้การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เลื่อนออกไป โดยล่าสุด FED WATCH TOOL คาดว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง ในปีนี้และมีโอกาสเริ่มเนิน การครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 ขณะที่BOND YIELD 10 ปี สหรัฐฯ และไทย เร่งตัวสูงขึ้น หนุนให้ดออลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าต่อได้ ขณะที่เงินบาทอาจถูกกดให้อ่อนค่า ถือเป็น ความเสี่ยงต่อ FUND FLOW ที่มีโอกาสไหลเข้าบ้านเราได้ช้าลง
สรุป สภาพแวดล้อมความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง หนุนให้ราคาน้ ามัน สูงดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งผลกระทบที่ตามมาอาจท าให้เงินเฟ้อคุมได้ยาก อาจส่งผลให้การ ปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ เลื่อนออกไป หนุนให้ USD มีแนวโน้มแข็งค่า ต่อได้ ขณะที่เงินบาทอาจถูกกดให้อ่อนค่า ถือเป็นความเสี่ยงต่อ FUND FLOW ที่มี โอกาสไหลเข้าบ้านเราได้ช้าลง
หลายส านักเศรษฐกิจปรับคาดการณ์ GDP ไทยลง เฉลี่ยรวม +2.7%YOY
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจ โลกในปี 2567 เป็น 3.2% เพิ่มจากระดับ 3.1% ที่คาดไว้เมื่อ ม.ค.67 ซึ่งหัวหน้านัก เศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุว่า เศรษฐกิจโลกก็ยังคงมีความเข้มแข็งอย่างน่าทึ่ง โดยมี การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความเสี่ยงที่ต้องกังวล คือ ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น รวมถึงวิกฤตการณ์ในยูเครนและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กาซา ควบคู่ไปกับเงิน เฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูงในตลาดแรงงานที่ยังคงตึงตัว จึงท าให้ IMF ประเมิน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 อยู่ที่ 5.9% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ในส่วนของ ประเทศไทยมีการปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจลงจาก 4.40% เหลือ 2.70% ซึ่งสอดคล้องกับ ADB ที่ปรับ GDP ไทยลงจาก 3.30% เหลือ 2.60% เช่นกัน
โดยค่าเฉลี่ยของคาดการณ์ GDP ของหลายส านักเศรษฐกิจอยู่ที่ +2.7%YOY ซึ่ง ต้องติดตามแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังอย่าง DIGITAL WALLET ที่ อาจเพิ่ม UPSIDE ของประมาณการ GDP ไทยได้เป็นราว 3.5%-4%YOY แต่ในระยะ สั้น ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าประเด็นดังกล่าว อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ FLOW ต่างชาติไหล ออกระยะสั้น และผลักดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ในระยะถัดไป
โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX อยู่ระดับ 1380-1384 จุด
ตลาดฯ เปิดรับฟังความเห็นปรับเกณฑ์หุ้นเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ บวกต่อ BJC GULF INTUCH
วันนี้ตลาดฯ เตรียมเปิดรับฟังความเห็นปรับเกณฑ์หุ้นเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 26 เม.ย. 67 โดยปรับวิธีการพิจารณาลดเกณฑ์สภาพคล่องของ หลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีให้เกิดความชัดเจน สอดคล้องกับสภาวะตลาด ที่สภาพคล้องเบาบางลง และสอดคล้องกับแนวทางในต่างประเทศ
โดยยังคงใช้ปัจจัยที่ใช้พิจารณาสภาพคล่องทั้งมูลค่าการซื้อขาย (TRADING VALUE) แต่มีข้อเสนอเปลี่ยนเป็น TRADING VALUE >= 25% ต่อเดือน (จากเดิมขั้น ต่ า 20% ต่อเดือน) และอัตราส่วนจ านวนหุ้นที่มีการซื้อขาย (TURNOVER RATIO) มี ข้อเสนอ TURNOVER RATIO > 1% ต่อเดือน (เดิมเริ่มที่ 2% ต่อเดือน) โดยทั้ง 2 กรณีต้องเข้าเกณฑ์ทั้งหมด 9 ใน 12 เดือน ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินประเด็นดังกล่าวเป็น SENTIMENT บวกต่อหุ้น 3 บริษัท คือ GULF, INTUCH และ BJC ดังนี้
GULF และ INTUCH จะไม่หลุดดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบ 2H67 ซึ่ง ถ้าใช้เกณฑ์เดิม (และสมมุติให้ตัวเลขเดือน เม.ย. 67 และ พ.ค. 67 เท่ากับ เดือน มี.ค. 67) GULF และ INTUCH มีเดือนที่ TURNOVER เกิน 2% เพียง 6 ใน 12 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้น (ไม่ผ่านเกณฑ์ 9 ใน 12 เดือน) แต่ถ้าใช้เกณฑ์ใหม่ TURNOVER >= 1% จะผ่านเกณฑ์สภาพคล่อง9 ใน 12 เดือน
BJC มีโอกาสเข้า SET50 และ SET100 ในรอบ 2H67 เพราะถ้าหย่อนเกณฑ์ สภาพคล่องลงมาเป็น TURNOVER >= 1% ต่อเดือน BJC จะผ่านเกณฑ์ สภาพคล่องทั้ง 12 เดือน
สรุป การที่ตลาดฯ เปิดรับฟังความเห็นปรับเกณฑ์หุ้นเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ ให้สภาวะตลาด ณ ปัจจุบัน ถือเป็น SENTIMENT บวกต่อหุ้น BJC เด่นสุด เพราะมี โอกาสเข้าทั้ง SET50 และ SET100 ในรอบถัดไป รวมถึง GULF และ INTUCH ที่ยังอยู่ ในดัชนี SET50 และ SET100 ต่อ อย่างไรก็ตามต้องรอฟังผลลัพธ์หลังจากรับฟัง ความคิดเห็นเสร็จสิ้น 26 เม.ย. 67
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities