Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ เฟด และ ธนาคารกลางอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน อย่าง บริษัทเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.
FX Highlight
- มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ทยอยลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ยังคงหนุนให้เงินดอลลาร์ รวมถึงบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ มีจังหวะผันผวนสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท
- เรายังคงประเมินว่า แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดไปพอสมควรแล้ว โดยล่าสุดเราได้ Call Short-term peak เงินบาทแถว 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์ (มองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าว) เมื่อ ณ วันที่ 26 มกราคม
- ทั้งนี้ เงินบาทอาจผันผวนสูง และเสี่ยงที่จะอ่อนค่ามากกว่าที่เราประเมินไว้ หากผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่ได้เคยประเมินไว้ถึง 6-7 ครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะ ในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเฟดต่างก็ย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย
- นอกเหนือจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เราประเมินว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อทิศทางเงินบาทเช่นกัน
- นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ หลังล่าสุดราคาทองคำได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับหลัก ซึ่งหากหลุดจากแนวรับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็จะเปิดโอกาสที่ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ไม่ยาก ซึ่งในภาพดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดอาจรอเข้าซื้อทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้
- อีกปัจจัยที่น่าลุ้น คือ ทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ซึ่งอาจขึ้นกับรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการจีนในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
- รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Microsoft, Alphabet และ Amazon จะเป็นอีกปัจจัยที่น่าติดตาม เนื่องจากรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียนอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้
- ในส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เรามองว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจยังมีอยู่บ้าง แต่อาจชะลอลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ยกเว้นในกรณีที่ บรรยากาศในตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น หรือ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่เราประเมินไว้
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ แต่เริ่มชะลอลง โดยเงินบาทยังมีโซนแนวต้านแถว 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์
- ส่วนของ Time Frame ที่สั้นลง เช่น H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD ที่ชี้ว่า เงินบาทอาจผันผวนแข็งค่าขึ้นได้ หรืออาจแกว่งตัว sideway อนึ่ง เงินบาทอาจมีโซนแนวรับแรกแถว 35.30 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
- ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน ไปตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด และแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดท่ามกลางจังหวะการปรับฐานของราคาทองคำ
- สัปดาห์นี้ ทิศทางราคาทองคำจะยังขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และแนวโน้มของบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ ทั้ง ECB และ BOE
- ควรระวังความผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด, BOE และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงตั้งแต่วันพฤหัสฯ เป็นต้นไป
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า โมเมนตัมการย่อตัวลงอาจชะลอบ้างและเริ่มเห็นโอกาสที่ราคาทองคำจะแกว่งตัว sideways ขณะที่สัญญาณจาก Time Frame ที่สั้นลง อย่าง H4 และ H1 ชี้ว่า ราคาทองคำอาจยังพอได้แรงหนุนอยู่พอสมควรในโซน 2,010-2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านยังคงเป็นช่วง 2,030-2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์