Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการจากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
FX Highlight
- เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงตาม มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มมองว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ย รวมถึงแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
- เราประเมินว่า แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดไปพอสมควรแล้ว โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดมองว่า มีโอกาสเพียง 47% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมีนาคม (ลดลงจากที่เคยมองไว้ราว 81% ในสัปดาห์ก่อนหน้า)
- ทั้งนี้ เงินบาทยังเสี่ยงที่จะผันผวนไปตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ PCE และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ
- นอกเหนือจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เราประเมินว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อทิศทางเงินบาทเช่นกัน
- โดยหากผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า ECB อาจทยอยลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าเฟด ส่วน BOJ ก็อาจยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย มุมมองดังกล่าวอาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลง หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
- นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ หลังล่าสุดราคาทองคำเริ่มทำฐานราคาแถวโซน 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นอย่างน้อย +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะเปิดโอกาสในการทยอยขายทำกำไรและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
- รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Netflix (NASDAQ:NFLX) และ Tesla (NASDAQ:TSLA) จะเป็นอีกปัจจัยที่น่าติดตาม เนื่องจากรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียนอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้
- ในส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เรามองว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจยังมีอยู่บ้าง แต่อาจชะลอลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ยกเว้นในกรณีที่ บรรยากาศในตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น หรือ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่เราประเมินไว้
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ แต่เริ่มชะลอลง โดยเงินบาทยังมีโซนแนวต้านแถว 35.70-35.80 บาทต่อดอลลาร์
- ส่วนของ Time Frame ที่สั้นลง เช่น H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD ที่ชี้ว่า เงินบาทอาจผันผวนแข็งค่าขึ้นได้ หรืออาจแกว่งตัว sideway ในกรอบใกล้ระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ เงินบาทอาจมีโซนแนวรับแรกแถว 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซน 35 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับถัดไปที่สำคัญ
Gold Highlight
- ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน ไปตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด และแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดท่ามกลางจังหวะการปรับฐานของราคาทองคำ
- สัปดาห์นี้ ทิศทางราคาทองคำจะยังขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และแนวโน้มของบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ ทั้ง ECB และ BOJ
- นอกจาก ประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก ราคาทองคำก็อาจผันผวนไปตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางได้ เนื่องจากทองคำก็ยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะถือในช่วงตลาดผันผวนจากความเสี่ยงดังกล่าว
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า การปรับฐานของราคาทองคำยังไม่จบ แต่เริ่มเห็นโอกาสที่ราคาทองคำจะแกว่งตัว sideways ขณะที่สัญญาณจาก Time Frame ที่สั้นลง อย่าง H4 และ H1 ชี้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากผ่านโซนดังกล่าวได้ ก็จะเปิดโอกาสในการปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านสำคัฯ 2,060-2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์