Cabinet / Oil / Yield
• Cabinet: ติดตามการประชุมครม.ในวันนี้ ที่อาจมีการพิจารณามาตรการ หลายมาตรการ อาทิ การลดค่าไฟ-ค่าน้ามัน การพักหนี้เกษตรกรทั้งเงิน ตัน-ดอกเบี้ย มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ซึ่งอาจยังทําให้พอเห็นแรง เก็งก่าไรในกลุ่มหุ้น Domestic play และ Tourism ได้ในระยะสั้น อย่างไร ก็ดีในเชิงกลยุทธ์ เพื่อความปลอดภัย เรายังคงแนะนําให่โฟกัสไปยังกลุ่ม Laggard play ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการเหล่านี้ ซึ่งก็คือกลุ่ม Media ตามเดิม อาห PLANB, VGI, BEC, ONEE
• CPI: ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯประจําเดือนสิงหาคมในวันนี้ ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ Headline CPI ขยายตัวที่ระดับ 3.6% YoY/0.6% MoM และ Core CPI ขยายตัวที่ระดับ 4.3% YoY / 0.2% MoM อย่างไรก็ดี เรามองว่าตัวเลขวันนี้คงจะไม่ส่งผลใดๆต่อการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย.ที่น่าจะมีการคงดอกเบี้ยแน่นอนแล้ว แต่หาก ตัวเลขจริงออกมาแตกต่างจากตลาดคาดอย่างสําคัญ จะไปส่งผลกระทบ ต่อคาดการณ์การประชุม FOMC ซึ่งล่าสุดตลาดยังคงให้นํ้าหนักการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนั้นอยู่เพียง 43% ถือเป็นความเสี่ยงสําคัญในช่วงถัดไปหากความน่าจะเป็นนี้ถูกยกขึ้น เนื่องจากจะทําให้ Bond yield และเงิน USD ปรับสูงขึ้นต่อได้
• Oil: ราคานํามันดิบปรับตัวหาจุดสูงสุดใหม่หลังจากกลุ่มประเทศ OPEC คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ํามันในตลาดโลกจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า รวมถึงข่าวที่ลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก QPEC สั่งปิดท่าเรือส่งออกน้ามัน 4 แห่งเนื่องจากผลกระทบของพายุและนําท่วม มองปัจจัยดังกล่าวส่ง ผลบวกต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทยในวันนี้โดยเฉพาะกลุ่ม Upstream อย่าง PTTEP ส่วนกลุ่ม Midstream ลงมาเช่น โรงกลั่น และ ปั๊มนํามัน นั้น แนะนําให้จับตามาตรการลดราคาพลังงานที่อาจจะออกมาใน การประชุมครม.วันนี้ หากมีความชัดเจนมากขึ้นและผลกระทบนั้นไม่ได้มี นัยสําคัญต่อผลการดาเนินงาน อาจเริ่มเห็นการทยอยซื้อกลับของหุ้นใน กลุ่มเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน ในครั้งถัดไปช่วงปลายเดือนต.ค.มากกว่า
• Implication: ส่วนผลกระทบของไทย มองเช่นเดิมว่าราคาน้ามันที่สูงขึ้น นี้ จะส่งผลต่อดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่น่าจะพลิกกลับมา ขาดดุลมากขึ้นในช่วงถัดไปค่อนข้างแน่ ส่งผลลบทางอ้อมต่อค่าเงินบาท และอาจน่ามาสู่แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่สูงขึ้นอีกครั้ง
• นอกจากนั้น ยังคาดว่าจะส่งผลต่อ Inflation expectation ให้ปรับสูงขึ้น ในช่วงถัดไป ซึ่งเราเริ่มเห็นการ Price in ของตลาดแล้ว ผ่านการปรับขึ้น ท่าจุดสูงสุดใหม่ของ Bond yield ในประเทศทุก Tenor อย่างไรก็ตาม การข็นมาของ Bond yield ในตลาดตรงนี้ยังคง Price in การขึ้นดอกเบี้ย ของกนง.ในการประชุมวันที่ 27 ก.ย.นี้ไปเพียงแค่ 51% เท่านั้น ดังนั้น หากกนง.เกิดตัดสินใจ Aggressive โดยปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันดังกล่าว มองจะเป็น Negative surprise ต่อภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยได้ ผ่านมิติ PE Contraction
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities