New high in Oil + New high in USD = Bad for Thailand
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนํานักลงทุนหาจังหวะทยอย Lock profit ในช่วงครึ่งเดือนแรก และเข้าสู่โหมด Wait & See ในช่วงครึ่งเดือน หลัง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ หลังจากที่ราคาน้ํามันดิบทําจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง (รายละเอียดด้านล่าง) ทั้งนี้ หากต้องการเข้าสะสมหุ้นจริงในช่วงนี้ มอง กลุ่มหุ้น Laggard ที่น่าสนใจ 2 กลุ่มเดิม ได้แก่ กลุ่ม Media เช่น PLANB, VGI, BEC, ONE และกลุ่ม Logistics เช่น III, LEO, SJWD, WICE
• Oil: ราคาน้ํามันดิบปรับตัวสูงขึ้นทําจุดสูงสุดใหม่ หลังซาอุฯประกาศขยาย เวลาลดกําลังการผลิตแบบสมัครใจวันละ 1 ล้านบาร์เรลออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่รัสเซียก็ประกาศขยายเวลาลดการส่งออกน้ํามันของตนเองวันละ 3 แสนบาร์เรลไปจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน ถือเป็น Action ที่ Surprise ตลาด เนื่องจากก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะถูกขยาย เวลาออกไปจนถึงเพียงสิ้นเดือนตุลาคมเท่านั้น
• Reaction: ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ Reaction ของตลาดน้ํามันเมื่อคืนนี้ ปรับตัวรุนแรง โดย Time spread ปรับตัวเข้าสู่โซน Backwardation มากที่สุดของปีนี้ (รูปที่ 1) สะท้อนความกังวลในเรื่องของ Inventory ที่อาจดึงตัวมากขึ้นในช่วงถัดไป
• CPI: แม้ว่ารายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยประจําเดือนส.ค.ที่ประกาศ ออกมาวานนี้จะยังคงอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ โดย Headline และ Core CPI ขยายตัวที่ 0.88% YoY และ 0.79% YoY ตามลําาดับ แต่ต้องบอกว่า ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อของไทยจะกลับมาขยายตัวด้วยอัตราที่เร่งขึ้นทั้ง MoM และ YoY ในช่วงถัดไปมีมากขึ้นแล้ว จากราคาพลังงานและราคาโภคภัณฑ์ ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ณ ขณะนี้ บวกกับฐานที่ต่ําในปีก่อน ปัจจัยนี้ทํา ให้น่าติดตามอย่างยิ่งกว่าการประชุมกนง. ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ธปท.จะมีมติ อย่างไร
• PE sensitivity: ทั้งนี้ หากกนง.ตัดสินใจในเชิง Aggressive และมีการ ขึ้นดอกเบี้ยต่อ 0.25% ไปสู่ระดับ 2.50% ประเมินผลกระทบเชิงลบต่อ ภาพดัชนี SET ผ่านปรากฏการณ์ PE contraction ซึ่งจะทําให้ระดับ SET ที่เหมาะสมในแต่ละกรณีของเรานั้นจะถูกลดทอนลงจากเดิมราว 40 จุด (รูปที่ 2) โดยในกรณีดีสุดนั้น (Bull) จะเห็นว่าระดับดัชนีที่เหมาะสมจะถูก กดลงมาจากเดิมที่ 1560 จุดมาอยู่ที่ 1515 จุด อิงดัวคูณ Forward PE ที่เหมาะสมใหม่ซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4x ถือเป็นความเสี่ยงในช่วงถัดไปที่ต้อง ติดตามอย่างใกล้ชิด
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities