Hold short against port
• SET: คาด SET Index แกว่งตัวอิงทางลงในวันนี้จาก 3 ปัจจัย
1) การปรับตัวขึ้นของเงิน USD และ Bond yield สหรัฐฯ หลังตัวเลขการ จ้างงาน ADP เมื่อคืนนี้ออกมาสูงกว่าคาดเป็นอย่างมาก (324k vs. 190k) ส่งผลให้สกุลเงิน EM ส่วนใหญ่ปรับตัวลง แถมเงินบาทยังเป็น สกุลเงินเอเชียที่อ่อนค่ามากสุดในรอบวันอีกด้วย
2) ราคานํามันดิบที่ปรับลงแรง ส่วนหนึ่งจากเงิน USD ที่แข็งค่า คาด ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่ม Oil & Gas ของไทยในเช้าวันนี้ แนะจับตาการ ประชุมกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 4 ส.ค. หากไม่มีข่าวดี เช่น การขยาย เวลาการหั่นก้าลังการผลิตแบบสมัครของซาอุฯออกไปจากเดือนส.ค. มองว่ามีโอกาสถูกแรงเทขายต่อได้ ในวันนี้ได้
3) การปรับลดลงของดัชนี NASDAQ เมื่อคืนนี้กว่า 2% มีโอกาสส่งผล กดดันต่อมายังหุ้นกลุ่ม ETRON ของไทยเช่น DELTA, KCE, HANA
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครอง Short position ที่ได้เปิดไว้ เมื่อวานนี้ที่บริเวณดัชนี 1560 จุดขึ้นไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงของ พอร์ต หากดัชนีมีการปรับตัวลงมาดามที่เราคาดไว้ในช่วงถัดไป
• Politics: สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะน่าติดตามการพิจารณาของคณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับคําร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยหรือไม่ กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อคุณพิธาเป็นนายกฯรอบ 2 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากผลการพิจารณาเป็นว่า ไม่รับคําร้อง หรือ รับค่าร้องแต่ไม่มีคําาสั่งให้ชะลอการโหวตนายกฯ ประเมินว่าการโหวต นายกฯในสภาน่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ในวันพรุ่งนี้ตาม Timeline เดิม
• Good news priced in: อย่างไรก็ตาม สาหรับประเด็นการเมืองไทยที่ เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อวานนี้จากการแถลงของพรรคเพื่อไทยนั้น ท่าให้เรา ประเมินว่า ณ ขณะนี้สิ่งที่ตลาดรับรู้และ Price in ไปแล้วนั่นก็คือ Scenario ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนน่าจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลในสมการ ซึ่งถือเป็นฉากทัศน์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ต่อภาพตลาดหุ้นไทย ทําให้ หลังจากนี้การที่จะมีข่าวดีมากกว่านี้อีกถือเป็นเรื่องยาก และอาจมี ความเสี่ยงระหว่างทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการโหวตนายกฯที่มาจาก แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยในวันพรุ่งนี้เกิดมีการสะดุด เช่นคะแนนเสียง ของรัฐสภาไม่ถึงกึ่งหนึ่งเป็นต้น
• MPC: สรุปไฮไลท์สําคัญจากการประชุมกนง.เมื่อวานนี้ ได้แก่
1) กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาดสู่ระดับ 2.25%
2) กนง.ตระหนักถึงภาคการส่งออกไทยที่อ่อนแอกว่าคาดเดิม แต่คาดว่า อุปสงค์จากต่างประเทศจะทยอยดีขึ้นในช่วงถัดไป
3) คณะกรรมการประเมินเงินเฟ้อยังคงมีความเสี่ยงด้านสูง โดยมีการพูด ถึงประเด็นปรากฏการณ์เอลนีโญเป็นครั้งแรก ที่อาจส่งผลกระทบ ผ่านมายังต้นทุนของผู้ประกอบการที่สูงขึ้น
4) การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ กนง.ให้เหตุผลหลักคือ I) ดูแลเงินเฟ้อให้ อยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน II) เสริมเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงิน ในระยะยาว (ลดปรากฏการณ์ Hunger for Yield และการก่อหนี้) III) สร้าง Policy space เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities