Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญในสัปดาห์นี้ จะอยู่ที่ ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก อาทิ เฟด, ECB และ BOJ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น อัตราเงินเฟ้อ CPI รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีน อย่าง ยอดค้าปลีก และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.
FX Highlight
- สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ไปตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์จบสัปดาห์อ่อนค่าลง
- เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ไม่ได้ชะลอลงตามคาด หรือ เฟดยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือเฟดขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาด
- อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์อาจเริ่มจำกัดลงและเงินดอลลาร์มีโอกาสกลับมาเป็นเทรนด์ขาลงอีกครั้ง หากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดและไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต นอกจากนี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD
- นอกเหนือจากผลการประชุมเฟด เรามองว่า เงินดอลลาร์ก็อาจผันผวนไปตามผลการประชุมธนาคารกลางหลักอื่นๆ ได้ โดยหากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขึ้นดอกเบี้ยตามคาดและย้ำจุดยืนขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจกดดันให้เงินยูโรทยอยแข็งค่าขึ้นกดดันเงินดอลลาร์ได้เช่นกัน
- อนึ่ง ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจสร้างความผันผวนได้กับตลาดค่าเงินได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ BOJ ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าโอกาสเกิดจะต่ำ แต่หากเกิดขึ้นอาจเห็นเงินเยนญี่ปุ่นกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วได้
- ในช่วงนี้ ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินหยวนของจีนพอสมควร ทำให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของจีน รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ก็อาจส่งผลต่อทิศทางเงินบาทได้ ผ่านการเคลื่อนไหวของเงินหยวน
- ความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลจะยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เราเริ่มเห็นการทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งโฟลว์ซื้อหุ้นไทยก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้
- สำหรับฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในส่วนตลาดบอนด์ เราคงมองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจทยอยกลับเข้ามาซื้อบอนด์ระยะกลาง-ระยะยาวได้บ้าง ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น (รอ Buy on dip)
- อีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท คือ โฟลว์ธุรกรรมทองคำ ซึ่งหากราคาทองคำทยอยปรับตัวสูงขึ้น ในกรณีที่เฟดส่งสัญญาณจบรอบการขึ้นดอกเบี้ย ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
- ในเชิงเทคนิคัล เรามองว่า RSI Divergence ที่เกิดขึ้นล่าสุด พร้อมกับ การตัดลงของ MACD และ Bearish engulfing pattern ทำให้โดยรวมสัญญาณเชิงเทคนิคัลชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideway หรือ sideway down ได้
- เราคงมองว่า แนวต้านสำคัญคือ โซน 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง ในการเพิ่มสถานะ Long THB หรือทยอยขายเงินดอลลาร์ ในส่วนของแนวรับนั้น จะยังคงอยู่ในช่วง 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ในระยะสั้นนี้ แต่หากเงินบาทแข็งค่าหลุดแนวรับ ก็มีโอกาสแข็งค่าต่อไปถึงโซน 34.25 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก
Gold Highlight
- ราคาทองคำเคลื่อนไหว sideway โดยมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับ ตามที่เราประเมินไว้ หลังทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะปรับตัวลดลง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาด
- เราประเมินว่า ยังคงต้องรอลุ้นผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด เพราะหากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจน ก็อาจกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับ 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
- หากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวเหนือโซนแนวรับได้ ก็จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นว่า การปรับฐานของราคาทองคำใกล้จบแล้ว
- นอกจากนี้ เราคงมองว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำอาจเริ่มจำกัด หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็แผ่วลง ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจปรับตัวขึ้นไม่ได้ไกลมากนัก เพราะผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะทยอยเข้าซื้อบอนด์ เมื่อบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงติดโซนแนวต้านแถว 3.80%
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD เริ่มชี้ว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสแกว่งตัว sideway up หรือ sideway ซึ่งเรามองว่า ผลการประชุมเฟดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาว่า ราคาทองคำจะทยอยปรับตัวขึ้น หรือ ปรับตัวลดลง หลุดโซนแนวรับ
- เราคงเป้าราคาทองคำไว้ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เรายังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะราคาทองคำปรับฐานในการทยอยเข้าซื้อได้ ซึ่งอาจรอสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนก่อนทยอยเข้าซื้อได้เช่นกัน