ประเมินภาพ SET Index วันนี้น่าจะผันผวนในกรอบแคบ โดยน่าจะอยู่ในโหมด ของการติดตามพัฒนาการของสถานการณ์นช่องแคบไต้หวัน ซึ่งจีนอยู่ระหว่างทำ การซ้อมรบด้วยกระสุนจริง 6 จุดรอบเกาะไต้หวันจนถึง 7 ส.ค.65 สำหรับความ เกี่ยวโยงทางตรงของเศรษฐกิจไทย กับไต้หวัน แม้จะไม่อยู่ในระดับที่มีนัยสำคัญ แต่ จะมีบทบาทในด้านของ Supply Chain เฉพาะอย่างยิ่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ วันนี้ในบ้านเราจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค.65 ซึ่ง Consensus คาด ว่าจะอยู่ที่ 7.8% YoY แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าตัวเลขมีโอกาสปรับขึ้นไปสูงกว่า 8% YoY ขณะที่เดือน ส.ค.65 ก็ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นไปได้อีกโดยอาจแตะระดับ 10% ได้ ทั้งนี้สถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังร้อนแรง น่าจะเป็นแรงกดดันให้ กนง. ต้อง พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 10 ส.ค.65 นี้
SET Index น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1575 – 1605 จุด พอร์ตจำลองวานนี้ Cut Loss หุ้น ONEE น้ำหนัก 10% ของพอร์ต รับผลขาดทุน 3.59% และให้ถือเป็นเงิน สดเพิ่มเป็น 25% หุ้น Top Pick เลือก BEM, III และ SAPPE
สถานการณ์จีน-ไต้หวัน-สหรัฐฯ ยังต้องติดตามและกดดันตลาดหุ้นต่อไป ขณะที่ไต้หวันส่งออกอะไรบ้าง มาดูกัน
หลังจากที่ Nancy Pelosi ออกจากไต้หวันและมุ่งหน้าไปยังเกาหลีใต้จีนได้เริ่มซ้อมรบด้วย กระสุนจริง โดยวานนี้มีการยิงมิสไซล์ "ตงเฟิง" ทั้งหมด 11 ลูก ทั่วน่านน้ำรอบเกาะไต้หวัน และประกาศว่าสามารถโจมตีทุกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยกองทัพของจีน หรือ PLA ได้ ซ้อมรบขนานใหญ่ด้วยกระสุนจริงและจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ กิน ระยะเวลากว่า 4 วัน ในน่านน้ำ และน่านฟ้ารอบเกาะไต้หวัน เพื่อตอบโต้การไปเยือนเกาะ ไต้หวันของแนนซี เพโลซี ขณะที่ไต้หวันส่งเครื่องบินไอพ่นขึ้นเตือนเครื่องบินรบจีน 27 ลำ ที่เข้ามาภายในเขตป้องกันภัยทางอากาศของตน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากที่จีนซ้อมรบเสร็จสิ้นวันอาทิตย์นี้ ทั้ง 2 ฝั่งจะมีมาตรการตอบโต้อะไรบ้าง
หากพิจารณาเชิงลึกว่าประเทศไต้หวันส่งออกไปไหน และ ส่งออกสินค้าประเภทอะไรบ้าง จะพบได้ว่า การส่งออกของไต้หวัน ณ สิ้นเดือนมิ.ย.65 มีมูลค่า 4.2 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่ง ส่วนใหญ่อยู่ที่จีนเป็นหลักถึง 22% รองมาคือ สหรัฐฯ 16% ฮ่องกง 14% ขณะที่ไทยเองมี สัดส่วนเพียง 2% เท่านั้น
ในส่วนของชนิดสินค้า จะเห็นได้ว่าไต้หวันได้ส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์เป็นหลักราว 78% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2.6 หมื่นล้านเหรียญฯ ต่อมาคือ โลหะ 10% ยางและพลาสติก 7% เครื่องนุ่งห่ม 2% สัตว์และอาหารสัตว์ 1% และอื่นๆ 2%
แม้สัดส่วนการส่งออกจากไต้หวันมาไทยจะน้อยเพียง 2% แต่การส่งออกชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิคส์ที่มีสัดส่วนกว่า 78% ซึ่งหากมีการสู้รบกันจริง และเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ที่ทำให้ไต้หวันส่งออกสินค้าไม่ได้ คาดทำให้เกิดการขาดแคลนชิป เซมิคอนดักเตอร์ได้ ในอนาคต และกระทบต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในบ้านเราอย่าง DELTA KCE HANA SMT เป็นต้น
ผลกระทบจากสถานการณ์ชิพขาดแคลน ต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วน ยังมีไม่มาก
ประเด็นเรื่องชิพขาดแคลนต่อกลุ่มชิ้นส่วนฯ หากย้อนดูรายได้ของกลุ่มชิ้นส่วนฯในไทย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อาจมีการส่งมอบสินค้าล่าช้ากว่าเป้าหมายบ้าง แต่ค่อนข้างกระทบ จำกัด เนื่องจากเห็นรายได้ที่เติบโตได้ต่อเนื่องรายไตรมาส อย่างไรก็ตามปัญหาชิพขาด แคลนส่งผลให้ราคาวัตถุดิบหายากและแพงขึ้นบ้าง กดดัน Gross margin ให้ลดลงไป ในช่วง 3Q64-4Q64 แต่บริษัทฯ ทยอยผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าบางส่วน
ในขณะที่มุมมองต่อจากนี้ฝ่ายวิจัย ยังคาดสถานการณ์ชิพขาดแคลนใน 2H65 จะทยอยฟื้น ตัวได้ดีขึ้น สะท้อนจากผลประกอบการชิ้นส่วนไทยงวด 2Q65 ทั้ง DELTA และ SMT ที่ ดีกว่าคาด โดย Inventory day การกักตุนสินค้าล่วงหน้าของผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทย เฉลี่ยที่ 3 เดือน
สำหรับประเด็นเรื่องค่าระวางขนส่งทางเรือ ทั้ง Baltic Dry Index / World Container Index ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดในงวด 3Q64 ที่ผ่านมา กดดัน Gross margin ของกลุ่ม ชิ้นส่วนในงวดดังกล่าวไปแล้ว และประเมินสถานการณ์ค่าระวางในปัจจุบันจะทยอยดีขึ้น
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามความขัดแย้งจีน-ไต้หวันที่อาจมีผลต่อความประเด็นทั้งชิพขาด แคลนให้ยืดเยื้อไปนานกว่า 2H65 เนื่องจากผู้ประกอบการชิ้นส่วนในไทยถือเป็นขั้นกลาง น้ำที่ต้องใช้วัตถุดิบต้นน้ำมาประกอบเป็นชิ้นส่วนได้ โดยไต้หวันถือเป็นศูนย์กลางการผลิต ชิพของโลก ครองสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดชิพทั่วโลก หากวัตถุดิบต้นน้ำไม่สามารถ ผลิตออกมาได้จะกดดัน Supply chain ทั่วโลก
รอดูประกาศตัวเลขเงินเฟ้อไทยจะสูงกว่าที่ตลาดคาด 7.8% หรือไม่?
รอดูการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน ก.ค. 65 วันนี้เวลา 9.30 น. ตลาดคาดว่ายังเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องเป็น 7.8yoy% จาก 7.66yoy ในเดือน มิ.ย. 65 ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ามีโอกาส ขึ้นไปเกิน 8% ได้และยังมีโอกาสขึ้นไปทำจุดสูงสุดในช่วงเดือน ส.ค. ต่อได้จาก 2 ปัจจัย คือ
1. ราคา Commodityเริ่มย่อ แต่เงินเฟ้อมักมี Lag timeแม้ในช่วงที่ผ่านมา ราคา Commodity ปรับตัวลดลง (ราคาน้ำมันวานนี้ลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน) เชื่อว่าน่าจะมีส่วนทำให้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อระดับสูงในหลายประเทศทั่วโลก มี โอกาสที่จะคลี่คลายลง แต่ไม่ใช่เป็นการปรับลดลงแบบทันที และน่าจะมีการทิ้ง ช่วงของเวลาระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องมีระยะเวลาที่ผู้ประกอบการใน ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องบริหารจัดการสินค้าคงเหลือ ขณะที่มีสินค้าบริการ บางประเภทที่ผู้ประกอบการเคยต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ จะปรับขึ้นาคาสินค้า-บริการได้ในช่วงก่อนหน้านี้ จำเป็นต้องคงระดับราคาเพื่อ ชดเชยประโยชน์ที่สูญเสียไปในช่วงที่ราคา Commodity อยู่ในขาขึ้น
2. ฐาน CPI ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือ ส.ค. 64 อยู่ในระดับที่ต่ำ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. ปีนี้มีโอกาสกว้างขึ้นได้กดดันเงินเฟ้อมี โอกาสขึ้นไปจุดสูงสุดราวเดือน ส.ค.65 ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวลดลงในช่วงถัดไป
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการศึกษาผลกระทบต่อตลาดหุ้นในวันที่มีการรายงานตัวเลข CPI ใน 2 รอบที่ผ่านมา ซึ่ง surprise ตลาดทั้ง 2 รอบ พบว่า SET Index ให้ผลตอบแทน เฉลี่ย -0.7% และกลุ่มหุ้นที่ Outperform คือ HELTH, ENERG, PF&REIT, AUTO, TRANS และ BANK เองก็มีบางหุ้นที่ชนะตลาด
ขณะที่ตัวหุ้นใน SET100 ที่ Outperform ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็สอดคล้องกับ ราย Sector อาทิ BCH, BANPU, BDMS, PTTEP, KTB, CHG, BH, MEGA, PSL, GLOBAL, SPRC, IRPC, ADVANC, INTUCH เป็นต้น
สำหรับกลยุทธ์วันนี้ ภายใต้ความความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และรอลุ้นตัวเลขเงิน เฟ้อไทยนำไปสู่ มุมมองการขึ้นดอกเบี้ยของกนง.ในวันที่ 10 ส.ค. 65 ขณะที่SET เริ่ม ขยับเข้ามาใกล้แนวต้านสำคัญ 1600 จุด และ 1615 จุด พอดี จึงคาดวันนี้ SET เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด 1575 -1605 จุด หุ้นเด่นวันนี้เลือก หุ้นแนวโน้มกำไรยังเด่น ต่อ BEM, SAPPE, III เป็น Top pick
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities