รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ถ้าเชื่อว่าหุ้นเทคฯ จะคืนชีพได้ในเดือนมิถุนายนนี้ 3 ETF นี้ควรค่าแก่การพิจารณา

เผยแพร่ 07/06/2565 16:36
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ปัญหาเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา จนเกิดการเทขายยาวมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และกลุ่มหุ้นที่ถูกเทขายมากที่สุดของคือหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ที่เคยเนื้อหอมเป็นอย่างมากในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อสองปีก่อน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ได้เห็นดัชนีที่ใช้วัดมูลค่าของหุ้นเทคโนโลยีอย่าง NASDAQ 100 Technology Sector Index และ S&P/ASX All Technology Index ปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน 25% และ 31% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หลังจากหุ้นเทคโนโลยีได้ปรับตัวลดลงมาตลอดห้าเดือนเต็ม นักลงทุนบางกลุ่มได้ตัดสินใจว่าลงมาขนาดนี้ถือว่ามากพอแล้ว ถ้าหากคุณเป็นนักลงทุนกลุ่มนั้น ที่เชื่อในการเติบโตของเทคโนโลยีในระยะยาว การลงทุนในกองทุน ETF สามตัวนี้อาจเป็นคำตอบของคุณ

1. Technology Select Sector SPDR Fund

- ระดับราคาปัจจุบัน: $140.00
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $127.04 - $177.04
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.81%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.13% ต่อปี

กองทุนตัวแรกที่เราอยากจะนำเสนอมีชื่อว่า Technology Select Sector SPDR® Fund (NYSE:XLK) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ การเก็บบันทึกผ่านคลาวด์ และอุปกรณ์สื่อสารหลากหลายรูปแบบ กองทุนนี้เปิดให้เริ่มลงทุนครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 1998 XLK Weekly Chart

XLK อ้างอิราคาตามดัชนี Technology Select Sector Index ปัจจุบันถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 76 บริษัท หากพิจารณาการถือครองออกเป็นสัดส่วน จะพบว่า XLK ถือครองหุ้นในกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มากที่สุดถึง 30% ตามมาด้วยหุ้นในกลุ่มฮาร์ตแวร์และการจัดเก็บข้อมูล 23.20% อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ 20.52% และผู้ให้บริการด้าน IT 17.27%

หุ้น 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป้นมูลค่ารวมทั้งหมด $4,180 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Microsoft (NASDAQ:MSFT) Apple (NASDAQ:AAPL) ถือครองมากที่สุดด้วยสัดส่วนเกือบ 22% ของพอร์ต ตามมาด้วย Visa (NYSE:V), Mastercard (NYSE:MA), NVIDIA (NASDAQ:NVDA), Broadcom (NASDAQ:AVGO) และ Adobe (NASDAQ:ADBE)

จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยสร้างเอาไว้ในช่วงปลายปี 2021 ตอนนี้ XLK ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วทั้งหมด 19.49%  มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 22.30x และ 8.08x ตามลำดับ นักลงทุนขาขึ้นที่เป็นแฟนของหุ้น MSFT และ AAPL ต้องไม่พลาดที่จะลงทุนในกองทุนตัวนี้

2. Invesco PHLX Semiconductor ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $24.11
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $21.72 - $32.01
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.0%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.19% ต่อปี

งานวิจัยของ McKinsey เมื่อไม่นานมานี้ให้ข้อมูลว่าอุตสาหกรรมการผลิตชิปประมวลผลมีโอกาสเติบโต 6%-8% ต่อไปยาวไปจนกระทั่งถึงปี 2030 ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางกลุ่มก็เชื่อว่าปัญหาสำคัญอย่างซัพพลายเชนขาดแคลนจะได้รับการแก้ไข และมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

นั่นจึงเป็นที่มาของการแนะนำกองทุนตัวที่สองของเราที่มีชื่อว่า Invesco PHLX Semiconductor ETF (NASDAQ:SOXQ) เป็นกองทุนที่เน้นถือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลโดยเฉพาะ กองทุนนี้เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2021 มีสินทรัพย์รวมทั้งหมด $6,280 ล้านเหรียญสหรัฐSOXQ Daily Chart

ปัจจุบัน SOXQ ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 30 บริษัท หุ้น 10 อันดับแรกคิดเป็น 40% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Broadcom, Intel (NASDAQ:INTC), Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD), Qualcomm (NASDAQ:QCOM), NVIDIA, KLA-Tencor (NASDAQ:KLAC) และ Analog Devices (NASDAQ:ADI)

เมื่อไหร่ก็ตามที่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลกลับมาเป็นขาขึ้น เชื่อว่าตอนนั้น SOXQ จะได้รับอานิสงส์ตามขึ้นไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นยังคงเป็นขาลง จึงทำให้ตลอดทั้งปีนี้ SOXQ ปรับตัวลดลงมาแล้วทั้งหมด 22.9% มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 17.61x และ 5.88x ตามลำดับ

3. Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF

ระดับราคาปัจจุบัน: $23.79
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $20.88 - $39.99
เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.25%
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.68% ต่อปี

Wall Street Metrics เคยเขียนเอาไว้ว่านวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้มีการเติบโตในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การเติบโตของอุตสาหกรรม AI และหุ่นยนต์ทั่วโลกจะสามารถทำให้ตลาดแห่งนี้มีขนาดใหญ่ในเชิงมูลค่าได้มากถึง $3,790 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 ถ้าคำนวณจากอัตราการเติบโตในปัจจุบัน วงการนี้มีอัตราการเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) มากกว่า 32%

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ข้อมูลนี้จึงเป็นที่มาของการแนะนำกองทุนสุดท้ายของเราในบทความนี้ที่มีชื่อว่า Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF (NASDAQ:BOTZ) เป็นกองทุนที่ลองทุนในบริษัทผู้พัฒนาหุ้นยนต์และ AI ทั่วโลก กองทุนนี้เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2016BOTZ Weekly Chart

ปัจจุบัน BOTZ ถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งหมด 38 ตัว แบ่งเป็นหุ้นของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม 44.3% ตามมาด้วยกลุ่มเทคโนโลยีด้านข้อมูลข่าวสาร 38.7% กลุ่มดูแลสุขภาพ 11.4% และสินค้าจำเป็น 2.6% หุ้น 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป็นสองในสามของสินทรัพย์รวมทั้งหมด $1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ NVIDIA  ABB (NYSE:ABB) Keyence (OTC:KYCCF) Intuitive Surgical (NASDAQ:ISRG) และ Fanuc (OTC:FANUY)

นับตั้งแต่เดือนมกราคมมาจนถึงปัจจุบัน BOTZ ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่า 33%  มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 35.49x และ 4.10x ตามลำดับ หากคุณเป้นนักลงทุนตามธีมเน้นการเติบโต BOTZ เป็นชื่อที่คุณไม่ควรพลาด

ความคิดเห็นล่าสุด

FNเป็นอย่างไรบ้างควรขายหรือซื้อเพื่มเี
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย