👁 ค้นพบหุ้นชนะตลาดเหมือนกับนักลงทุนมือโปรด้วยข้อมูลเชิงลึกจาก AI มหกรรมลดราคา Cyber Monday จะหมดเขตเร็ว ๆ นี้!รับส่วนลด

เป็นไปได้หรือที่เจมี ไดมอนกับธนาคารที่เขาเป็นเจ้าของจะมีความเห็นกับสกุลเงินดิจิทัลไม่ตรงกัน?

เผยแพร่ 07/06/2565 14:32
อัพเดท 09/07/2566 17:31
JPM
-
DX
-
CL
-
BTC/USD
-
BMC
-
ETH/USD
-

ต้องยอมรับจริงๆ ว่าปี 2022 นี้ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ปัจจุบัน มูลค่าตามราคาตลาดของโลกคริปโตฯ ที่เคยเพิ่มขึ้นถึงมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ กลับลดลงเหลืออยู่เพียง 1.23 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้นในวันที่ 3 มิถุนายน แม้เหล่าสาวกคริปโตฯ จะยังคงเชื่อว่าสักวันหนึ่ง บิทคอยน์จะสามารถเติบโตจนกลายมาเป็นสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งแทนทองคำได้ แต่จากสถานการณ์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ความฝันนั้นอาจจะต้องรอไปก่อน

เมื่อมีคนสนับสนุน ก็ย่อมจะต้องมีคนไม่เห็นด้วย ยังมีอีกหลายคนที่เชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป้นสิ่งไร้ค่า การปรับตัวขึ้นของตลาดคริปโตฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นการรวมตัวของนักเก็งกำไร ที่ไม่มีใครเห็นมานานตั้งแต่เกิด “ทิวลิปมาเนีย” ในเนเธอร์แลนด์ในทศวรรษ 1600 เจมี่ ไดมอน (Jamie Dimon) นักธุรกิจ และ CEO ของธนาคารเจพีมอร์แกน (JPMorgan Chase) ในปี 2017 เขาได้เปรียบเทียบตลาดคริปโตฯ กับฟองสบู่ดอกทิวลิปว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หากมีโอกาสได้พูดถึงสกุลเงินดิจิทัลแล้ว เขาก็มักจะแสดงความเห็นในเชิงลบมาโดยตลอด

แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนประหลาดใจก็เกิดขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารเจพีมอร์แกนที่เขาเป็น CEO อยู่นั้นกลับแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล สร้างความสับสนให้กับตลาดและลูกค้าของธนาคารเจพีมอร์แกน

ไดมอนไม่อายที่จะกล่าวว่าบิทคอยน์และคริปโตฯ คือความเสี่ยง

ไดมอนขึ้นเป็นผู้นำของธนาคารเจพีมอร์แกนตั้งแต่ปี 2005 ห้าปีหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่ง บิทคอยน์กำลังเริ่มมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 5 เซนต์ต่อหนึ่งเหรียญ ในระหว่างดำรงตำแหน่ง ไดมอนไม่เคยรักษาน้ำใจ หรือมีไมตรีต่อการพูดถึงบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลเลย

ในปี 2017 เขาเรียกบิทคอยน์ว่าเป็น “การฉ้อโกง” ที่จะระเบิดออกมาในที่สุด

ในปี 2017 เขาเปรียบเทียบบิทคอยน์กับทิวลิปมาเนียในทศวรรษ 1600 ว่าจะมีจุดจบเช่นไร

ในปี 2017 เขากล่าวว่าจะไล่พนักงานทุกคนที่ลงทุนในบิทคอยน์ออกเพราะว่า "โง่"

ในเดือนตุลาคมปี 2021 เขากล่าวว่าบิทคอยน์นั้นเป้นสิ่ง “ไร้ค่า”

จากข้อความด้านบนนี้ แสดงให้เห็นว่าเจมี่ ไดมอน ไม่มีความศรัทธาในบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลเลย

JPM ทำให้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ “ควรลงทุน”

ในปี 2021 ธนาคารเจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) ได้เริ่มจัดตั้งกองทุนลงทุนในบิทคอยน์ ที่มีการจัดการอย่างดี และเลือกที่จะทำเป็นกองทุนส่วนตัว ในปลายเดือนพฤษภาคม นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนเขียนว่า:

“การปรับฐานของตลาดคริปโตฯ ในเดือนที่ผ่านมาดูเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม/กุมภาพันธ์ปีที่แล้วดูเหมือนว่าจะมาถึงสุดทางแล้ว และในอนาคต เราจะเห้นการปรับตัวขึ้นของบิทคอยน์และตลาดคริปโตฯ มากขึ้น”

ระดับราคาเป้าหมายที่เจพีมอร์แกนให้ไว้สำหรับบิทคอยน์อยู่ที่ 38,000 ดอลลาร์ อ้างอิงจากราคาบิทคอยน์ที่ 31,000 ดอลลาร์ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งในวันเวลาเดียวกันนั้น ที่นักวิเคราะห์ของเจพีฯ ออกมาคาดการณ์ว่าสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำจะเพิ่มขึ้น 30% จนกลับมาเป็น “สินทรัพย์ที่ต้องการ”สัญญาซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายน ยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ 

JPM ชอบคริปโตฯ มากกว่าอสังหาริมทรัพย์แล้วหรือ?

รายงานของเจพีมอร์แกนให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวการลงทุนที่เปลี่ยนไป ทางธนาคารกล่าวว่า:

“ดังนั้นเราจึงแทนที่อสังหาริมทรัพย์ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะ “ประเภทสินทรัพย์ที่เราชื่นชอบ” พร้อมกับการทำกองทุนป้องกันความเสี่ยง”

ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าเจพีมอร์แกนในปัจจุบันเชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีโอกาสเติบโตได้มากกว่าสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยเสียอีก การวิเคราะห์นี้สามารถตีความได้ว่านักวิเคราะห์ของธนาคารกำลังชอร์ตตลาดคริปโตฯ ทำกำไรจากขาลงที่ร่วงลงมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 หรือจุดสูงสุดตลอดกาลของบิทคอยน์ ที่มูลค่าหายไปแล้วมากกว่า 56.7% BTC/USD Daily

อ้างอิง: Barchart

รูปกราฟด้านบนนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่บิทคอยน์ปรับตัวลดลงมาจาก $68,906.48 ลงไปยัง $29,820.85 ในวันที่ 3 มิถุนายน 2022

แม้จะไม่ชอบคริปโตฯ แต่ไดมอนก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ภาครัฐทำ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจมี่ ไดมอนเตือนนักลงทุนให้ “เตรียมพร้อม” สำหรับพายุเฮอริเคนทางเศรษฐกิจ เขาไม่ได้พูดถึงคริปโตเคอเรนซี แต่กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและผลกระทบจากสงครามในยูเครน ไดมอนกล่าวว่าเขากำลังส่งคำเตือนนี้ไปยังธนาคารที่โดดเด่นที่สุดของสหรัฐฯ อย่างเจพีมอร์แกนว่า “คุณรู้ไหม ที่ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าจะมีพายุ แต่ผมขอเปลี่ยนเป็นพายุเฮอริเคน”

นอกจากนี้ ซีอีโอของเจพีมอร์แกนได้วิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับนโยบายการเงินผ่อนคลายเชิงปริมาณนั้นสร้างผลสะท้อน “ย้อนกลับมา” และเรียกอัตราดอกเบี้ยติดลบที่แท้จริงว่าเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่” เขายังเตือนว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ปกป้องยุโรปจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น สังเกตได้ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ใกล้เคียงอยู่เหนือระดับ 118 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นสัปดาห์ที่แล้วและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่ออีกในอนาคต

แม้ว่าเจมี่ ไดมอนจะไม่ได้พูดถึงคริปโตฯ แต่ ความคับข้องใจของเขากับธนาคารกลางสหรัฐฯ นโยบายพลังงานของประเทศ ประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์การเมืองอื่นๆ บ่งชี้ว่าเป็นไปได้ที่เขาอาจเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเงินที่ก่อให้เกิดบล็อกเชน และเข้าใจถึงเหตุผลของการมีอยู่ของสกุลเงินดิจิทัลได้

นักลงทุนหรือสาวกคริปโตฯ ส่วนใหญ่เป็นพวกเสรีนิยม และปฏิเสธอิทธิพลของรัฐบาลและธนาคารกลาง ดังนั้นมูลค่าของเหรียญดิจิทัลจึงเป็นเพียงหน้าที่ของการซื้อและขายในตลาดเท่านั้น ในขณะที่ไดมอนยังคงเพิกเฉยกับคริปโตฯ แต่ความคิดเห็นที่กระตือรือร้น การด่าออกมาแบบตรงๆ เป็นครั้งคราว และการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายโดยอิงจากข้อผิดพลาดเชิงนโยบายของเขา อาจเป็นสัญญาณว่าเขาอาจมีเหตุผลให้ชื่นชมสกุลเงินดิจิทัลได้มากขึ้น

แม้จะอยู่ในขาลง แต่คำแนะนำของ JPM อาจทำให้ตลาดคริปโตฯ ดีดตัวกลับมา

แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่บิทคอยน์ยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลประมาณ 56.7% และแนวโน้มขาลงที่ปกคลุมบิทคอยน์อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน แต่ความเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์เมื่อเร็วๆ นี้อาจเป็นความหวังว่าจะเริ่มมีการสร้างฐานของแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่เกิดขึ้นBTC/USD Daily

อ้างอิง: Barchart

ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมมาจนถึงปัจจุบัน บิทคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคาระหว่าง 28,000 ถึง 32,000 ดอลลาร์ การคาดการณ์ของเจพีมอร์แกนก่อนหน้านี้อาจทำให้เกิดการทยอยซื้อสะสม ที่จะพาเหรียญบิทคอยน์ขึ้นสู่ระดับ 38,000 ดอลลาร์ได้ จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ระดับแนวต้านที่สำคัญตอนนี้อยู่ที่ 43,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนเมษายน 2022 และประมาณ 48,200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคม หากสามารถวิ่งขึ้นมายืนเหนือ $48,200 จะถือเป็นสัญญาณยุติขาลง ที่กินเวลามาตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนอย่างเป็นทางการ

แม้ว่าความเห็นของธนาคาร และ CEO ที่เป็นเจ้าของจะมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่จากการกระทำล่าสุดของรัฐบาลและธนาคารกลางที่รวมหัวกัน จนเกิดเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบสี่สิบปี ก็อาจจะทำให้เจมี ไดมอน เริ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการมีอยู่ของสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีไว้เพื่ออะไร

 

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย