นับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้วยาวมาจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นของแอปฯ โซเชียลมีเดียสแนป (NYSE:SNAP) แม้แต่ราคาซื้อขายหุ้นในตอนนี้ยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่าราคาที่เปิดขายหุ้นให้กับสาธารณะ (IPO) ที่ $17 อยู่ 13% วิ่งอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $83.11 ณ วันที่ 24 พฤศจิกายนในปีที่แล้ว
สาเหตุหลักที่หุ้นสแนปร่วงลงมาในสัปดาห์นี้เป็นเพราะว่ารายงานผลประกอบการของบริษัทสร้างความผิดหวังให้กับผู้ถือหุ้น หลังจากรายงานตัวเลขรายได้ บริษัทสแนปได้ยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายคาดการณ์ เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่กดดันให้บริษัทผู้ฝากโฆษณาต้องลดงบประมาณในส่วนนี้ลง
หลังจากการประกาศนี้ หุ้นบริษัทได้ปรับตัวลดลงมากถึง 43% ถือเป็นการร่วงลงภายในวันเดียวมากที่สุด ทำให้มูลค่าตามราคาตลาดหายไปเกือบ $16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคำนวณดูแล้วเท่ากับว่ากำไรที่หามาได้ในช่วงห้าปีล่าสุดหายไปแล้วเรียบร้อย ถ้าหากพูดถึงกำไรจากการฝากโฆษณา สแนปไม่ใช่ผู้รับเคราะห์เพียงคนเดียว แต่บริษัทชื่อดังอื่นๆ ที่มีกำไรจากการฝ่ายโฆษณาไม่ว่าจะเป็น Meta Platforms (NASDAQ:FB) Alphabet (NASDAQ:GOOGL) และ Twitter (NYSE:TWTR) ต่างก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
Evan Spiegel ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทเขียนอีเมล์ส่งถึงพนักงานว่า
“ปัจจัยภายนอกที่เข้ามาสร้างผลกระทบให้บริษัทในตอนนี้มีมากมายไม่ว่าจะเป็น เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ปัญหาขาดแคลนแรงงานและซัพพลายเชน การเปลี่ยนแปลงนโยบายข้อกำหนดของรัฐที่มีต่อผู้ประกอบกิจการแพลตฟอร์มออนไลน์ สงครามในยูเครน และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่อว่ารายได้และตัวเลข EBITDA ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 จะต่ำกว่ากรอบการคำนวณที่เคยประเมินไว้”
ณ ตอนนี้ รายงานคาดการณ์กำไรในไตรมาสที่ 2 ที่ 20-25% ต่อปีนั้นต่ำกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไปเรียบร้อยแล้ว
นี่คือโอกาสในการเข้าซื้อใช่หรือไม่?
ขาลงของหุ้นสแนปนำมาซึ่งคำถามที่ว่า “นี่คือโอกาสอันดีที่จะเป้นเจ้าของหุ้นแล้วใช่หรือไม่” งั้นเราต้องมาเริ่มย้อนดูกันก่อนว่าที่มาของกำไรบริษัทมาจากที่ใด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการระบาดของโควิด-19 มีส่วนอย่างมากต่อการเติบโตของหุ้นเทคฯ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อผู้คนอยู่บ้านเป็นหลัก การใช้งานโซเชียลมีเดียจึงสูงขึ้น
อีแวนและบริษัทของเขาสามารถเข้ามาจับกระแสนี้ได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม แอปสแนปแชทเคยมียอดผู้ใช้งานต่อวันมากถึง 332 ล้านคนต่อวัน มียอดผู้ใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมากถึง 18% อัตราการเติบโตส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ กำไรในช่วงเวลานั้นเพิ่มขึ้น 38% คิดเป็นเงิน $1,060 ล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งที่ทำให้กำไรของบริษัทลดลง จนนำไปสู่ขาลงในราคาหุ้นไม่ได้มีแต่ปัจจัยภายนอกที่กล่าวมาเพียงอย่างเดียว แต่การเปลี่ยนนโยบายความเป้นส่วนตัวของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) มีส่วนอย่างมากต่อการหารายได้เข้าบริษัท
นอกจากแอปเปิลแล้ว การมาของแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ของจีน ที่มีผู้ใช้งาน 2,910 ล้านคนต่อเดือน เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของสแนปแชทอย่างมาก Dan Suzuki รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Richard Bernstein Advisors กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า
“บริษัทสแนปจะต้องนำความคาดหวังของนักลงทุน ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงกลับลงมายังโลกแห่งความเป็นจริง อัตราการเติบโตที่ชะลอเป้นไปตามกลไกธรรมชาติ และมีการแข่งขันในวงการที่มีสูงขึ้นเรื่อยๆ”
โดยสรุปแล้ว
หุ้นสแนปในตอนนี้ได้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด โดยมีสาเหตุทั้งปัจจัยภายนอกมากมายที่ไม่อาจควบคุมได้ และการแข่งขันที่สูงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้กระทบถึงแหล่างทำกำไรโดยตรงอย่างการฝากโฆษณา สถานการณ์เช่นนี้จะยังคงอยู่กับหุ้นสแนปไปอีกสักระยะ