Investment Ideas:
ภาพรวม SET วานนี้ ผันผวนก่อนปิดตลาดในแดนลบ จากแรงขายลดความเสียงก่อนการเปิด Fed Minute - SET วานนี้ ปิดที่ระดับ 1,625.18 จุด ลดลง 1.05 จุด (-0.06%) ปริมาณการซื้อขาย 68,005 ล้านบาท (SET ทําสูงสุดของวันที่ระดับ 1,640.69 จุด และตําสุดที่ระดับ 1,624.03 จุด) ตลาดหุ้นผัน ผวนในกรอบ Sideway ตามคาด และเป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมภาคเอเชีย ขณะที่การซื้อขายภาคบ่าย เกิดแรงขายเพื่อลดความเสียงก่อนการเปิดเผยรายงานคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงินของธนาคาร กลางสหรัฐ (FOMC) , ภาพรวมการลงทุนวันนี้ คาด SET ฟื้นตัว หลังรายงาน Fed Minutes ตามคาด - เราคาดว่า SET วันนี้ จะ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด เราคาดว่า SET จะมีแรงซื้อกลับ หลังเกิดแรงขายในช่วงท้ายตลาดวาน นี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเปิดเผยรายงานประชุมเฟด 3-4 พ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามรายงานอยู่ในกรอบ ที่คาด และเป็นไปตามที่ประธานเฟดส่งสัญญาณหลังการประชุม อย่างไรก็ตามเรายังคงนําหนักพอร์ตการ ลงทุนเท่าเดิม โดยยังคงมุมมองต่อ SET ก่อนการประชุม FOMC ระหว่าง 14-15 มิ.ย. ยังคงผันผวน ใน ลักษณะ Sideway up โดยประเมินกรอบแนวต้านอยู่ที่ 1,635-1,650 จุด กลยุทธ์การลงทุน คงหุ้นนพอร์ต 40-50% เน้น Laggard Play หุ้น Defensive และ Turnaround เลือก PTG BEM BH BDMS AOT (BK:AOT) SHR KSL และ KBS เป็นหุ้นเด่น - กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงน้ําหนักการลงทุน ในหุ้น 40-50% ของพอร์ต จากมุมมองต่อ SET ที่ยังมีความเสี่ยงต่อความผันผวนในระยะ 1 เดือนข้างหน้า เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่มที่ Laggard โดยเราเลือก ADVANC BH BDMS PTG SUSCO BEM GPSC BGRIM WHA AMATA และ CPALL (BK:CPALL) และ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาค การท่องเที่ยว (เพิ่ม 1.5 ล้านสิทธิ์ ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน) เราเลือก AOT BAFS MINT CENTEL SHR VRANDA BH BDMS AMATA และ WHA รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เราเลือก KSL KBS และ BRR หลังมีความเป็นไปได้ที่อินเดีย เตรียมประกาศจํากัดการส่งออกน้ําตาล สัปดาห์นี้ติดตามรายงานเศรษฐกิจที่สําคัญสัปดาห์นี้ - รายงาน GDP สหรัฐฯ ช่วง 1Q65 (ประมาณการครั้งที่ 2) วันที่ 26 พ.ค. (คาดหดตัว 136) [รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน เม.ย. วันที่ 27 พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 4.9%YoY) คาด SET มีแรงซื้อกลับ หลังรายงาน Fed Minutes ไม่มี Negative Surprise แต่ยังต้องติดตามรายงาน PCE ศุกร์นี้ - รายงานการประชุม FOMC รอบ 3-4 พ.ค. ของเฟด (Fed Minutes) ไม่มีประเด็นใหม่ โดยกรรมการ เฟดส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมรอบ เดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค. เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่ม รวมไปถึงกรรมการเฟดมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า เศรษฐกิจ สหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทําให้เฟดสามารถใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อโดย ไม่ทําให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เรามองประเด็นดังกล่าว จะทําให้การลงทุนในสินทรัพย์เสียง รวมไปถึง SET รวมทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาค ผ่อนคลายลงระยะสั้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามรายงาน PCE วันศุกร์นี้ เพื่อดูสัญญาณเงินเฟ้อ ก่อนการประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย.
ราคาน้ํามันดิบยังปรับเพิ่ม อยู่ในระดับสูง ตอบรับความกังวลต่อภาวะอุปทานตั้งตัว แนะเก็งกําไร เลือก PTTEP SPRC และ TOP เป็นหุ้นเด่น - ราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวภาวะอุปทานถึง ตัว จาก 4 ปัจจัยได้แก่
(1) Seasonal Demand ในสหรัฐฯ ที่เข้าสู่ช่วง Driving season ที่จะเริ่มในวัน Memorial Day ในช่วงปลายเดือน พ.ค. และสิ้นสุดในวันแรงงานสหรัฐฯ ประมาณเดือน ก.ย.
(2) การผ่อน คลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยทางการจีนเตรียมแผนยุติมาตรการล็อกดาวน์ เซึ่งยงไฮ้ วันที่ 1 มิ.ย.
(3) ทางการจีนเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ปี ลง 0.15% สู่ระดับ 4.4596 จากระดับ 4.6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และ
(4) สหภาพยุโรป (EU) เตรียม บังคับใช้มาตรการคว่ําบาตรน้ํามันจากรัสเซีย โดย EU จะจัดการประชุมสุดยอด วันที่ 30-31 พ.ค. เพื่อ พิจารณาข้อตกลงดังกล่าว ขณะที่สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงาน ปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดลดลง 737,000 บาร์เรล) ส่วน ปริมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง 482,000 บาร์เรล (คาดลดลง 634,000 บาร์เรล) และปริมาณสํารองน้ํามัน กลัน (ฮีตติงออยล์และน้ํามันดีเซล) เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดเพิ่มขึ้น 917,000 บาร์เรล) อย่างไรก็ตามเราให้น้ําหนักเป็นเพียงการ “เก็งกําไร” หุ้นในกลุ่มพลังงาน เลือก PTTEP SPRC และ TOP เป็นหุ้นเด่น บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company update: BCH Company Update: BCH (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 25 บาท): คาดผลประกอบการ 2Q65 อ่อนตัว QoQ - รายได้ที่ไม่ใช่ COMID-19 กลับมาหนุนจาก
(1) การกลับมาใช้บริการของผู้ป่วยชาวต่างชาติ
(2) ศูนย์ การแพทย์เฉพาะทาง
(3) จํานวนผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น และ
(4) รายได้จาก โรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง ปรับกําไรสุทธิปี 2565 ขึ้น สะท้อนผลการดําเนินงานที่ดีกว่าคาด กําไรสุทธิ 1Q65 เติบโต 526%YoY แต่ลดลง 1896QoQ แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท
ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนํา KAMART (แนวต้าน 5.60-5.90 / แนวรับ 4.96-4.76/Stop loss 4,40) ) CK (แนวต้าน 21.50-22.10 / แนวรับ 20.70-20.30 / Stop loss 19.70) G SHR (แนวต้าน 4.42-4.52 / แนวรับ 4.26-4.18/Stop loss 4.08)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities