แนวคิดเรื่องการยกเลิกกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน สู่สหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ ในช่วง Trade War เพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อ รวมถึงลดระดับของการใช้ นโยบายการเงินตึงตัวเชิงรุก หากเกิดขึ้นจริงในส่วนของตลาดหุ้นอาจ เกิดปรากฎการณ์ Reverse Trade War ขึ้นมาได้ โดยจากที่ศึกษาข้อมูล ย้อนหลังพบว่า ช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มกำหนดกำแพงภาษีตั้งแต่รอบที่ 1จนถึงรอบ ที่ 4 พบว่าในทุกๆ รอบ SET Index ปรับตัวลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมแล้ว ราว 30% ดังนั้นหากการยกเลิกกำแพงภาษีเกิดขึ้นได้จริง ก็น่จะเห็นการดีดตัว กลับขึ้นมาได้ เฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลก-ไทย กำลัง แสวงหาตัวช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
SET Index น่าจะอยู่ในภาวะผันผวนกรอบ 1615 – 1635 จุด พอร์ตจำลอง วานนี้ Stop profit หุ้น AOT (BK:AOT) รับกำไร 5.34% วันนี้ให้ขาย MINT ออกแล้ว ให้เข้าซื้อ BEM เงินสดสำรอง 20% Top Pick เลือก BEM, STEC และ TFG
ภาพรวมตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากความกังวลการใช้นโยบายเชิงรุกของ FED
วานนี้ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่ออกมา แย่กว่าคาด อาทิ หุ้น Snapchat ปรับตัวลง 40% วานนี้ หลังบริษัทประกาศงบ 1Q65 ออกมาไม่ดีโดยไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้า และบริษัทยังประกาศว่าต้องชะลอการ จ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้ กดดันหุ้นเทคฯอื่นๆ ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน ขณะที่การพูดของ Powell วานนี้ไม่ได้พูดเรื่องสภาวะเศรษฐกิจหรือนโยบายดอกเบี้ยของ FED แต่อย่าง ใด จึงทำให้ตลาดหุ้นดีดกลับขึ้นไปเล็กน้อย และ Bitcoin ดีดกลับมายืนเหนือ 29,500 เหรียญ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังรอติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม หรือ FOMC Minutes Release คืนนี้คาดมีผลกระทบเชิงลบต่อตลาด (ครั้งล่าสุด ได้กดตลาด หุ้นลงไปหนัก หลังส่งสัญญาณลดงบดุล)
ค้นหาหุ้นเด่น ธีม Reverse Trade War
ปธน. สหรัฐ กำลังพิจารณาเรื่องลดความตึงเครียดของสงครามการค้ากับจีน หรือผ่อนผัน กำแพงภาษีสินค้าจีนที่รัฐบาลทรัมป์เคยตั้งไว้ซึ่งตลาดคาดว่ามีโอกาสที่จะผ่อนผันหรือ ยกเลิกหลังจากกำแพงภาษีจะหมดอายุลงใน 6 ก.ค. 65 นี้
หากย้อนรอยเหตุการณ์ในอดีตสหรัฐฯ เคยปรับเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าจากจีนตั้งแต่ช่วง กลางๆ ปี 2018 และมีการเพิ่มรายการสินค้าขึ้นมา 4 รอบ วงเงินรวมราวๆ 3.5 แสน ล้านเหรียญ โดยทุกๆ รอบที่มีการประกาศขึ้นกำแพงภาษีมักจะกดดันให้ตลาดหุ้นโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยผันผวน
และจากการทำการศึกษาความสัมพันธ์ของ Trade War กับตลาดหุ้นไทย พบว่า นัก ลงทุนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก สะท้อนได้จากเวลาที่มีการตั้งกำแพงภาษีเพิ่มขึ้น ในแต่ละรอบ SET Index มักจะปรับตัวลงแรงเสมอ ดังนี้
- การขึ้นภาษีรอบที่ 1 – 2 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท (กดดันตลาดเดือน พ.ค. - มิ.ย.61) SET Index ปรับตัวลงเฉลี่ย -10.4%
- การขึ้นภาษีรอบที่ 3 วงเงิน 2.0 แสนล้านบาท (กดดันตลาดเดือน ต.ค. - ธ.ค.61) SET Index ปรับตัวลงเฉลี่ย -11%
- การขึ้นภาษีรอบที่ 4 วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท (กดดันตลาดเดือน ส.ค. - ธ.ค.62) SET Index ปรับตัวลงเฉลี่ย -8.1%
แรงกดดันจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐในทุกๆ รอบ กดดัน SET Index มีการปรับ ฐานเฉลี่ยราว -10%ต่อรอบ และหากพิจารณเป็นราย Sector พบว่า หลายๆ Sector ส่วนใหญ่ถูกกัดดันแรงกว่าตลาด มีเพียงกลุ่มหุ้น Defensive และ ธ.พ. ที่แข็งแกร่งกว่า ตลาด (ช่วงนั้น Fed ขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล)
ประเด็น Reverse Trade War ผ่อนคลาย น่าจะค่อยๆ ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นตามลำดับ ระหว่างรอกำแพงภาษีหมดอายุลงใน 6 ก.ค. 65 น
ส่วนหุ้นเด่น ได้กระแสบวกจาก ธีม “Reverse Trade War” แนะนำ
1. หุ้นในกลุ่มสินค้าที่ถูกตั้งกำแพงภาษีคาดหวังการบริโภคที่เพิ่มขึ้น กลุ่ม ชิ้นส่วนฯ KCE, HANA, อาหาร CPF TFG GFPT TVO, ยานยนต์ SAT, STANLY
2. หุ้นธ.พ. คาดหวังเศรษฐกิจดีขึ้น มีเกราะป้องกันช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น BBL SCB KBANK (BK:KBANK)
หุ้นท่องเที่ยว-เปิดเมืองไปต่อ หลังครม. แจกเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ และปลัดสธ. เผยเตรียมถอดแมสก์ได้กลาง มิ.ย.นี้ ครม.มติเห็นชอบเพิ่มจำนวนสิทธิโครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ (สูงขึ้นจากเดิมที่หารือไว้ที่ 1 ล้านสิทธิ์) พร้อมทั้งขยายระยะเวลาไป 30 ก.ย. นี้โดยใช้ งบประมาณคงเหลือ 4 พันล้านบาท จากโครงการเดิมโดยไม่ต้องของบประมาณใหม่ สำหรับโครงการ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4" รัฐบาลให้การสนับสนุนใน 3 ส่วน ได้แก่
• ส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืนจำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 10 ห้อง หรือ 10 คืน รวมตลอด โครงการ
• ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยผู้ ร่วมโครงการจะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง หลังเวลา 17:00 น. ของวันเช็คอินและคูปองจะหมดอายุเวลา 23:59 น. ของวันเช็คเอาท์ สำหรับ วิธีการใช้คูปองนั้น ประชาชนจะชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่าน การตัดเงินจากคูปอง
• สนับสนุนค่าเดินทางโดยเครื่องบิน โดยผู้ร่วมโครงการมีสิทธิ์ในการได้รับเงิน สนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิ์ผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง
ขณะที่ปลัดสธ. เผย กลาง มิ.ย.นี้ ถอดแมสก์ได้ นำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ โควิด 19 อย่างปลอดภัย แต่ยังคงให้ใส่ไว้ใน 3 กรณีดังนี้ 1.กลุ่มผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง 608(กลุ่มคนที่ต้องได้รับการวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากที่สุด) 2.อยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
3.กิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมาก โดยรวมถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยและหุ้นกลุ่ม Reopening ได้แก่ ERW CENTEL MINT AAV BEM CPALL (BK:CPALL) CRC เป็นต้น ส่วน SET Index วันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1615 – 1635 จุด Toppicks วันนี้แนะนำ BEM STEC (หุ้นเปิดเมืองเศรษฐกิจฟื้น) และ TFG (ได้ประโยชน์จาก ปัญหาสุกร-ไก่ขาดแคลน)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities