การสมัครเข้าเป็นสมาชิก NATO ของ ฟินแลนด์-สวีเดน ทำให้ประเด็นเรื่อง รัสเซีย-ยูเครน กลับมาเป็นความเสี่ยงที่ปกคลุมตลาดอีกครั้งบนความกลัวเรื่อง การขยายวงของการสู้รบ ขณะที่ในทางเศรษฐกิจการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ จีนออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดทั้ง Retail Sales และ Industrial Production สำหรับในบ้านเรา น้ำหนักอยู่ที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q65 ซึ่ง ล่าสุดประกาศออกมาแล้ว 82% ของ Market Cap พบว่ามีกำไร 2.54 แสน ล้านบาท เพิ่ม 8.7% YoY แต่ยังลดลง 2.3% YoY โดยเราเห็นว่าหากฐาน กำไรประกาศออกมาครอบอยู่ในช่วง 2.6 – 2.7 แสนล้านบาท ก็น่าจะช่วยลด Downside ของประมาณการในปี 2565 ลงไปได้ ถือเป็นผลดีต่อตลาด
SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบที่แคบลง กรอบ 1580 – 1600 จุด พอร์ต จำลองให้ลดน้ำหนักเงินสดจาก 40% เหลือ 30% โดยนำเงิน 10% เข้าซื้อ KCE หุ้น Top Pick เลือก AOT (BK:AOT), CPALL (BK:CPALL) และ KCE
แรงกดดันตลาดหุ้นให้ผันผวนในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการกลับมาให้ความสนใจกับ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย - ยูเครน กับประเทศต่างๆ รวมถึงการตัดสินใจ ถอนธุรกิจของบริษัทเอกชนข้ามชาติออกจากรัสเซีย
เริ่มจากสวีเดน – ฟินแลนด์เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติก เหนือ(NATO) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งให้ประเทศ ขณะที่รัสเซียเตือน ฟินแลนด์และสวีเดนว่าจะตอบโต้ถือเป็นการดำเนินมาตรการไม่เป็นมิตรต่อรัสเซีย อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมเป็นสมาชิกต้องได้รับการยืนยันจากประเทศสมาชิก 30 ประเทศ แบบเอกฉันท์เท่านั้น
และล่าสุดยังมีประเด็นบริษัทเอกชนของสหรัฐขนาดใหญ่ อย่าง McDonald’s เตรียม ถอดกิจการออกจากรัสเซีย หลังเปิดกิจการมาได้ 20 ปีมีสาขาในรัสเซีย 850 สาขา และ ขายให้กับธุรกิจท้องถิ่น
ทั้ง 2 ประเด็นถือเป็นพัฒนาการเชิงลบของสถานการณ์ที่มีความยืดเยื้อมากขึ้น กดดัน ให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวานนี้บวกเพิ่มอีก 2.7% และเป็นความ เสี่ยงต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงต่อเนื่องได้
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนต่ำคาด แต่เริ่มเห็นทยอยผ่อนคลาย Locdown ดีต่อ KCE AOT
วานนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ยอดค้าปลีก เดือน เม.ย.ของจีนลดลง -11.1% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง -6.1% และการผลิต ภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย.ลดลง -2.9% สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น +0.5% โดยตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่มีทิศทางชะลอลง คาดว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น และยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการล็อก ดาวน์เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน
อย่างไรก็ตามเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ประกาศผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ตั้งแต่ 16 พ.ค. โดยจะอนุญาตให้บางกิจการ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านทำผม เริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง พร้อมกับวางแผนยุติมาตการ Lockdown 1 มิ.ย. นี้ น่าจะเป็นกระแสที่ดีขึ้นตามลำดับกับแนวโน้มกำไรในอนาคตของหุ้นที่มีสัดส่วนลูกค้า จากจีน แนะนำ MINT, AOT, CPALL, CBG และ KCE
รอดู GDP1Q65 ไทยวันนี้ (ตลาดคาด +1.7%yoy)
วันนี้จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยสำคัญ อย่าง GDP งวด 1Q65 โดยตลาดคาด ว่าจะเติบโต +1.7yoy (ชะลอลงจากงวด 4Q64 ที่ +1.9%yoy) ถ้าตัวเลขออกมาต่ำคาด ถือเป็นความเสี่ยงของตลาดหุ้น
และหากดูคาดการณ์การเติบโตของ GDP65F ของหลายๆ สำนักฯ อยู่ในช่วง 2.5% - 4% ถือเป็นความท้าทายสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี รวมถึงมาตการในการการตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐยังคงต้องเน้นการเยียวยา จากภาวะ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ยังไม่เห็นการกระตุ้นภาคการลงทุนแบบเต็มที่ เท่าที่ควร
คาดกำไร 1Q65 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แรงกดดันตลาดผ่อนคลายไปเรื่องหนึ่ง Top pick KCE AOT CPALL
ล่าสุดบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 376 บริษัท มีการรายงานกำไรงวด 1Q65 ออกมา 2.54 แสนล้านบาท ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะถ้าประกาศครบมีโอกาสขยับขึ้นไปอยู่ 2.6 – 2.7 แสนล้านบาท ทำให้แรงกดดันจากประเด็นกำไรบริษัทจดทะเบียนชะลอลงกว่าที่ ตลาดคาดผ่อนคลายไปในระดับหนึ่ง
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. (mtd) สะท้อนปัจจัยลบต่างๆ และปรับ ฐานลงมาแล้ว -5% จนดัชนีอยู่ในระดับเหนือกว่าก่อนเกิด Covid-19 ที่ 1570 – 1580 จุด คาดว่าการปรับฐานน่าจะชะลอลงในช่วงสั้น วันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index 1580 – 1600 จุด สำหรับกลยุทธ์ การลงทุนแนะนำ 3 Toppick เริ่มจากหุ้น KCE คาดหวังการบริโภคสินค้าต่างๆ ใน จีนฟื้นตัว หลังเริ่มผ่อนคลายมาตการ Lockdown, AOT นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, CPALL เป็นหุ้นผันผวนต่ำ แนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นตามการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities