ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่ได้เห็นหุ้นของบริษัทเมต้าแพลตฟอร์ม (NASDAQ:FB) หรืออดีตเฟซบุ๊กเก่าสามารถปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ได้มากถึง 17.5% ลำพังเฉพาะข่าวดีที่ว่าเฟซบุ๊กสามารถมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นได้มากกกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์นั้นก็ทำให้หุ้นเมต้าปรับตัวขึ้นมาทำราคาปิดอยู่ที่ $205.73 สร้างความเป็นไปได้ที่ว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายอาจจะกำลังผ่านพ้นไปแล้ว
ข่าวดีดังกล่าวมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้หุ้นเมต้าพึ่งได้ชื่อว่าเป็นหุ้นที่สร้างกำไรได้แย่ที่สุดเป็นอันดับสอง มาตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน อันดับที่สองนี้คือการเปรียบเทียบเฉพาะภายในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ” หรือว่า FAANG เท่านั้น
ในรายงานผลประกอบการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทเมต้าเคยสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนมาแล้ว จากการรายงานความจริงที่ว่าเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทมีความเสี่ยงที่จะหยุดเติบโต ทำให้นักลงทุนในช่วงนั้นพากันเทขายหุ้นของบริษัทเมต้า แต่รายงานผลประกอบการเมื่อวันพุธที่ผ่านมากลับเป็นหนังคนละม้วน บริษัทเมต้ารายงานว่ามียอดผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายวัน ที่นับถึงวันที่ 31 มีนาคมอยู่ที่ 1,960 ล้านคนทั่วโลก สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ที่ 1,940 ล้านคน
ความท้าทายที่รออยู่
แม้ว่าล่าสุดเมื่อคีนนี้หุ้นเมต้าจะดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่พอสมควร แต่สำหรับนักวิเคราะห์นั้นพวกเขามองว่าหุ้นเมต้าตอนนี้มีราคาที่ถูก ณ ระดับราคา 195.50 ดอลลาร์ หุ้น FB มีราคาซื้อขาย 16 เท่าของตัวเลขคาดการณ์รายได้ ซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิ 33%
บริษัท Evercore ISI วิเคราะห์ความน่าสนใจของหุ้นเมต้าเอาไว้ดังนี้
“เมื่อพิจารณาอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน เทียบกับปัจจัยอื่นๆ เช่นกำไรในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์การเมือง การเติบโตของ Reels และการทำกำไรของบริษัทหลังมีการยกระดับเรื่องความเป็นส่วนตัว เรามั่นใจว่าบริษัทเมต้าจะทีกำไรและอัตราการเติบโตของ EPS มากขึ้น เราขอตอกย้ำความเชื่อมั่นนี้ด้วยการปรับระดับราคาเป้าหมายของหุ้นเฟซบุ๊กในอีก 12 เดือนข้างหน้าขึ้นเป็น $325 ต่อหุ้น”
แม้ตลาดจะมีปฏิกิริยาในเชิงบวก แต่เส้นทางสู่การฟื้นตัวของหุ้น FB ยังคงค่อนข้างท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสัญญาณบางอย่างที่แสดงว่าบริษัทฝากโฆษณาเริ่มตัดงบในส่วนนี้ลงเพราะภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ กำไรในไตรมาสแรกของบริษัทเมต้าเพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 10 ปีที่รายรับเพิ่มขึ้นด้วยตัวเลขหลักเดียว ปัจจัยส่วนหนึ่งเกิดขึ้นมาจากสถานการณ์ในยูเครน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เชอริล แซนด์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกล่าวว่ากำไรจำนวนมากของเมต้ามาจาก Reels ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังมี "การเดินทางหลายปี" ซึ่งคล้ายกับความพยายามของบริษัทในการสร้างรายได้จาก Instagram, Facebook และ Whatsapp แม้ว่า Reels จะเป็นสิ่งที่เมต้าเอามาสู่กับ TikTok แอปฯ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นจากประเทศจีน แต่การจะย้ายแพลตฟอร์มเพื่อฝากโฆษณานั้น ไม่ใช่เรื่องที่บริษัทจะสามารถโยกย้ายกันไปมาได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่สำคัญอีกประการหนึ่งของหุ้นเมต้าคือเรื่องการสร้างเมต้าเวิร์สของ CEO มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเชื่อมโลกความเป็นจริงเข้ากับโลกเสมือนอย่างที่มาร์กต้องการได้อย่างไร มาร์กเชื่อว่าเมต้าเวิร์สจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางคอมพิวเตอร์ครั้งใหญ่ในระลอกถัดไป เขาวาดฝันถึงการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่สมจริงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งผู้ใช้สามารถโต้ตอบแบบเสมือนได้ในขณะที่ทำงาน ซื้อสินค้า และเล่นเกม
เมต้าเปลี่ยนกำไรจำนวนมากเพื่อเป็นทุนในการสร้างเมต้าเวิร์ส พวกเขาจ้างพนักงานที่มีทักษะสูงหลายพันคนเพื่อพัฒนาโลกเสมือนจริงนี้ มาร์กย้ำเมื่อวานว่าต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเชื่อมทุกหน่วยข้อมูลให้เข้ากับภาคธุรกิจได้
โดยสรุปแล้ว
นักลงทุนควรลงทุนในหุ้นเฟซบุ๊กด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าในระยะสั้นอาจจะเป็นไปได้ที่หุ้นเมต้าจะฟื้นตัวกลับขึ้นมา แต่ในระยะยาวก็ยังมีความท้าทายรอมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก และโลกเมต้าเวิร์สของเขาอยู่