หลังจากทราบรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคไปแล้ว ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะหันมาให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการ เมื่อบริษัทยัหษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาจะรายงานตัวเลขรายไตรมาสล่าสุดท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น วิกฤตทางการเมือง และปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กแนะนำว่านักลงทุนควรระวังหุ้นของบริษัทที่เคยได้เปรียบในช่วงโรคระบาด
ข้อมูลจากบลูมเบิร์กเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับข้อมูลนักวิเคราะห์ ที่เพิ่มประมาณการของพวกเขาก่อนก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงคาดหวังว่าบริษัทบางแห่งจะรายงานผลกำไรที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ยังคงมีอำนาจในการกำหนดราคา ตามข้อมูล I/B/E/S จาก Refinitiv รายได้สำหรับการลงทุนในดัชนีเอสแอนด์พี 500 คาดว่าในไตรมาสแรกจะเติบโต 6.1% ลดลงจากในไตรมาสที่สี่ 8.9%
ในบทความนี้ เราไม่ลืมที่จะนำข้อมูลของหุ้น 3 ตัว ที่น่าสนใจประจำสัปดาห์นี้มาฝากอีกเช่นเคย
1. Netflix
บริษัทผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันอังคารที่ 19 เมษายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $7,940 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.95
แม้ว่าจะพึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ลงมาถึง 40% นั้นทำให้เรียกได้ว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์อยู่ในขาลงอย่างแท้จริง นักลงทุนเป็นกังวลอย่างมากว่าการเติบโตของคู่แข่งที่ทำธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งเช่นกัน และยอดผู้สมัครสมาชิกที่เพิ่มขึ้นได้น้อยนั้นจะกระทบต่อกำไรและต้นทุนของบริษัท ล่าสุดหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดอยู่ที่ $341.13
ขาลงของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยิ่งลงหนักมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ทราบรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมว่าอัตราการเติบโตของยอดผู้สมัครสมาชิกคงไม่อาจกลับมาได้ในเร็ววัน อย่างที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 นั้นเน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านรายเท่านั้น
2. Tesla
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังเทสลา (NASDAQ:TSLA) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันพุธที่ 20 เมษายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $17,630 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.24
บริษัทเทสลาพึ่งประกาศข่าวดีเกี่ยวกับตัวเลขการส่งมอบรถให้กับลูกค้าในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ที่สามารถทำได้มากถึง 310,048 คันทั่วโลก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อีลอน มัสก์ CEO คนเก่งเคยออกมาบอกว่าไตรมาสที่ 1 จะเป็นอะไรที่ยากเนื่องจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน ตัวเลขที่ออกมานี้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไปเล็กน้อย
การที่บริษัทเทสลาสามารถประกาศตัวเลขส่งมอบรถออกมาได้สูงกว่าคาดการณ์สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาสามารถรับมือในยามวิกฤตได้ดี มีการจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการในวันพุธนี้คือตัวเลขคาดการณ์ยอดขายตลอดทั้งปี 2022 และข้อมูลความต้องการสินค้าเทสลาในประเทศจีนท่ามกลางการล็อกดาวน์โควิด หลังจากที่ตลอดทั้งปีนี้หุ้นเทสลาปรับตัวลดลงมาประมาณ 7% ล่าสุดหุ้นมีราคาปิดอยู่ที่ $985
3. Procter & Gamble
บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าจำเป็นยักษ์ใหญ่นามพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิล (NYSE:PG) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ในวันเดียวกันกับบริษัทเทสลา แต่จะรายงานผลประกอบการก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้พีแอนด์จีจะสามารถทำกำไรได้ $18,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.3
แม้หุ้นของบริษัทผู้ผลิตสินค้าจำเป็นจะได้ชื่อเป็นหุ้นสายป้องกันความเสี่ยง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ และซัพพลายเชนขาดแคลนไม่ต่างจากบริษัทอื่นๆ พีแอนด์จีพยายามแก้เกมครั้งนี้ด้วยการปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น
ในเดือนมกราคม พีแอนด์จีบอกกับนักลงทุนว่าตัวเลขคาดการณ์ยอดขายสินค้าออร์แกนิคตลอดทั้งปี 2022 จะมีระดับการเติบโตอยู่ที่ 4%-5% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิม 2%-4% สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะบริษัทเชื่อว่าการขึ้นราคาสินค้าจะไม่เป็นปัญหาในสภาวะเงินเฟ้อ ตราบใดที่รายได้ขั้นต่ำของชาวอเมริกันยังสอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นพีแอนด์จีปรับตัวลดลงมาแล้ว 3% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $158.57 ในปี 2021 หุ้นพีแอนด์จีเคยทำขาขึ้นมาแล้วทั้งหมดประมาณ 19% ได้อานิสงส์มาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในวิกฤตโควิดเมื่อปีก่อน