รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Netflix, Tesla, Procter & Gamble

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 18/04/2565 13:47
อัพเดท 02/09/2563 13:05

หลังจากทราบรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคไปแล้ว ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะหันมาให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการ เมื่อบริษัทยัหษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาจะรายงานตัวเลขรายไตรมาสล่าสุดท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น วิกฤตทางการเมือง และปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กแนะนำว่านักลงทุนควรระวังหุ้นของบริษัทที่เคยได้เปรียบในช่วงโรคระบาด

ข้อมูลจากบลูมเบิร์กเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับข้อมูลนักวิเคราะห์ ที่เพิ่มประมาณการของพวกเขาก่อนก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงคาดหวังว่าบริษัทบางแห่งจะรายงานผลกำไรที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ยังคงมีอำนาจในการกำหนดราคา ตามข้อมูล I/B/E/S จาก Refinitiv รายได้สำหรับการลงทุนในดัชนีเอสแอนด์พี 500  คาดว่าในไตรมาสแรกจะเติบโต 6.1% ลดลงจากในไตรมาสที่สี่ 8.9% 

ในบทความนี้ เราไม่ลืมที่จะนำข้อมูลของหุ้น 3 ตัว ที่น่าสนใจประจำสัปดาห์นี้มาฝากอีกเช่นเคย

1. Netflix

บริษัทผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันอังคารที่ 19 เมษายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $7,940 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.95 NFLX Weekly TTM

แม้ว่าจะพึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ลงมาถึง 40% นั้นทำให้เรียกได้ว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์อยู่ในขาลงอย่างแท้จริง นักลงทุนเป็นกังวลอย่างมากว่าการเติบโตของคู่แข่งที่ทำธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งเช่นกัน และยอดผู้สมัครสมาชิกที่เพิ่มขึ้นได้น้อยนั้นจะกระทบต่อกำไรและต้นทุนของบริษัท ล่าสุดหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดอยู่ที่ $341.13

ขาลงของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยิ่งลงหนักมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ทราบรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมว่าอัตราการเติบโตของยอดผู้สมัครสมาชิกคงไม่อาจกลับมาได้ในเร็ววัน อย่างที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 นั้นเน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านรายเท่านั้น

2. Tesla

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังเทสลา (NASDAQ:TSLA) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันพุธที่ 20 เมษายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $17,630 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.24 TSLA Weekly TTM

บริษัทเทสลาพึ่งประกาศข่าวดีเกี่ยวกับตัวเลขการส่งมอบรถให้กับลูกค้าในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ที่สามารถทำได้มากถึง 310,048 คันทั่วโลก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้อีลอน มัสก์ CEO คนเก่งเคยออกมาบอกว่าไตรมาสที่ 1 จะเป็นอะไรที่ยากเนื่องจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน ตัวเลขที่ออกมานี้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไปเล็กน้อย 

การที่บริษัทเทสลาสามารถประกาศตัวเลขส่งมอบรถออกมาได้สูงกว่าคาดการณ์สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาสามารถรับมือในยามวิกฤตได้ดี มีการจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการในวันพุธนี้คือตัวเลขคาดการณ์ยอดขายตลอดทั้งปี 2022 และข้อมูลความต้องการสินค้าเทสลาในประเทศจีนท่ามกลางการล็อกดาวน์โควิด หลังจากที่ตลอดทั้งปีนี้หุ้นเทสลาปรับตัวลดลงมาประมาณ 7% ล่าสุดหุ้นมีราคาปิดอยู่ที่ $985

3. Procter & Gamble

บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าจำเป็นยักษ์ใหญ่นามพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิล (NYSE:PG) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ในวันเดียวกันกับบริษัทเทสลา แต่จะรายงานผลประกอบการก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้พีแอนด์จีจะสามารถทำกำไรได้ $18,700 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.3

PG Weekly TTM

แม้หุ้นของบริษัทผู้ผลิตสินค้าจำเป็นจะได้ชื่อเป็นหุ้นสายป้องกันความเสี่ยง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อ และซัพพลายเชนขาดแคลนไม่ต่างจากบริษัทอื่นๆ พีแอนด์จีพยายามแก้เกมครั้งนี้ด้วยการปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น 

ในเดือนมกราคม พีแอนด์จีบอกกับนักลงทุนว่าตัวเลขคาดการณ์ยอดขายสินค้าออร์แกนิคตลอดทั้งปี 2022 จะมีระดับการเติบโตอยู่ที่ 4%-5% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิม 2%-4% สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะบริษัทเชื่อว่าการขึ้นราคาสินค้าจะไม่เป็นปัญหาในสภาวะเงินเฟ้อ ตราบใดที่รายได้ขั้นต่ำของชาวอเมริกันยังสอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อในปัจจุบัน 

อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นพีแอนด์จีปรับตัวลดลงมาแล้ว 3% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $158.57 ในปี 2021 หุ้นพีแอนด์จีเคยทำขาขึ้นมาแล้วทั้งหมดประมาณ 19% ได้อานิสงส์มาจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในวิกฤตโควิดเมื่อปีก่อน

 

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย