รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หรือ New High ใหม่จะอยู่ใกล้ทองคำแค่เอื้อม?

เผยแพร่ 04/03/2565 17:42
อัพเดท 09/07/2566 17:31

ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเดิมเสมอ แม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม 100% แต่การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตมักจะเลียนแบบสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน…

ในปี 2008 วิกฤตการเงินโลกทำให้ธนาคารกลางมีสภาพคล่องท่วมระบบแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน จริงอยู่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ หลีกเลี่ยงภาวะถดถอย สภาพคล่องและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือที่ประสบความสำเร็จก็จริง แต่ก็เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเงินเฟ้อ ที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายปี ช่วงระหว่างปี 2011 - 2012 อัตราเงินเฟ้อเคยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายต่อหลายครั้ง

ในปี 2011 สัญญาซื้อขาย ทองคำล่วงหน้า COMEX พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,920.70 ดอลลาร์ตอบสนองต่อภาวะเงินเฟ้อ ในอีก 9 ปีต่อมาหรือปี 2020 การระบาดใหญ่ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม COVID-19 ทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในวงกว้าง เพื่อเป็นการพยุงเศรษฐกิจ รัฐบาลและธนาคารกลางหันไปใช้เครื่องมือและกลยุทธ์แบบเดียวกันกับปี 2008 โดยที่ความแตกต่างคือสภาพคล่องในการต่อสู้กับโควิดในปี 2020 นั้นสูงกว่าปี 2008 มาก

ไม่นานหลังจากสภาพคล่องล้มตลาด ทองคำก็พุ่งขึ้นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเดือนสิงหาคม 2020 ทองคำเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า COMEX สามารถขึ้นแตะ $2,063 ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ขยับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในเวลาที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นในปี 2021 ราคาทองคำได้เข้าสู่โหมดปรับฐาน เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟืนตัน ก่อนจะมาเจอปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมือง ที่เริ่มผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในอนาคตอันใกล้

ราคาทองคำกับการทะลุรูปแบบลิ่มขึ้นไป

หลังจากแตะจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนสิงหาคม 2020 ทองคำได้ทำ lower high อย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2022 Gold Weekly Chart.

ที่มา: CQG

กราฟรายสัปดาห์สัปดาห์รูปนี้ แสดงราคาทองคำ ณ จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2021 ก่อนจะเริ่มยกจุดต่ำสุดให้สูงขึ้น ก่อตัวเป็นรูปแบบลิ่ม ที่มีแนวโน้มที่จะเปิดทางให้กับขาขึ้น ในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทองคำสามารถทะลุแนวต้านทางเทคนิคแรกที่ 1,879.50 ดอลลาร์ได้ ซึ่งเป้นจังหวะเดียวกับที่รัสเซียบุกยูเครน ราคาทองคำล่วงหน้าสามารถแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 มีราคาซื้อขายสูงสุดที่ $1,972.50 ต่อออนซ์

ทองคำกับตำแหน่งสินค้าโภคภัณฑ์ตัวแรกที่ทำ ATH ได้ในปี 2020

ในเดือนสิงหาคม 2020 ทองคำกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์แรกที่ทำสถิติสร้างจุดสูงสุดใหม่ คลื่นยักษ์สึนามิทางการเงินจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้จุดชนวนให้เกิดเงินเฟ้อ หากไม่นับบิทคอยน์ ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ตัวแรกที่ทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ก่อน

สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ  เช่นทองแดง, ไม้แปรรูป, แพลเลเดียมและอื่นๆ ได้ปรับตัวขึ้นแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามทองคำในปี 2021 แต่ตอนนั้นราคาทองคำได้ร่วงลงไปแล้ว สร้างจุดต่ำสุดที่ 1,800 ดอลลาร์ ก่อนจะกลายมาเป็นจุดกลับตัว สวนทางกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ผลัดกันพุ่งแตะจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ทองคำได้สะสมกำลังพร้อมแล้ว และเคลื่อนตัวเข้าสู่รูปแบบลิ่ม ก่อนจะกลับมาเป็นเทรนด์ขาขึ้นในปัจจุบัน

$1900 อาจกลายเป็นระดับอ้างอิงใหม่ของทองคำ

ทองคำมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเป็นทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ และก็เป็นสกุลเงินด้วย รัฐบาลทั่วโลกมีการถือครองทองคำในระบบการเงิน พวกเขาถือโลหะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางและรัฐบาลต่างซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอย่างต่อเนื่อง

การคว่ำบาตรรัสเซียโดยสหรัฐฯ และยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ค่าเงินรูเบิลรัสเซียลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ธนาคารกลางรัสเซียพยายามแก้ไขมาตรการคว่ำบาตร ก็กลับมาซื้อทองคำจากตลาดภายในประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. รัสเซียเป็นเจ้าของทองคำอันดับที่ 5 ของโลก ในช่วงต้นปี 2022 การถือครองทองคำของรัสเซียมีมากกว่าการถือครองดอลลาร์สหรัฐ

รัสเซียและจีนสะสมทองคำสำรองจากการผลิตในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2021 รัสเซียเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับสามของโลกรองจากจีนและออสเตรเลีย ด้วยกำลังการผลิต 310 ตันหรือประมาณ 10 ล้านออนซ์ต่อปีGold Daily Chart.

ที่มา: CQG

กราฟรายวันรูปนี้แสดงให้เห็นว่าหลังจากทองคำทำจุดต่ำสุดที่ 1,800 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ก็กลายเป้นจุดเปลี่ยนส่งทองคำขึ้นไปยัง 1,900 ดอลลาร์ และสามารถต่อยอดมาเป็นขาขึ้นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

3 เหตุผลที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นต่อ

1.) เงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อของอเมริกาในปัจจุบันอยู่ที่จุดสูงสุดในรอบกว่าสี่ทศวรรษ ดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุดมีตัวเลขอยู่ที่ระดับ 7.5% และดัชนีราคาผู้ผลิตที่ 9.7% อัตราเงินเฟ้อกัดเซาะมูลค่าของสกุลเงินเฟียต ความสามารถในการผลิตเป็นสิ่งที่ทำให้ทองคำมีมูลค่ามากกว่า ในขณะที่ธนาคารกลางและรัฐบาลสามารถเพิ่มปริมาณเงินได้ตามที่พวกเขาต้องการ แต่วิธีเดียวที่จะเพิ่มปริมาณทองคำคือการขุดเหมือง และยังไม่มีเทคโนโลยีใดของมนุษย์ที่สามารถผลิตทองคำออกมาได้บริสุทธ์เท่ากับทองคำธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทองคำเป็นตัวคานเงินเฟ้อมาหลายศตวรรษแล้ว

2.) สงคราม

ทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นทุกครั้งที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ครั้งแรกในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะที่สหรัฐฯ และนาโต้ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ยูเครนได้โดยตรง แย่างไรก็ตาม ตะวันตกได้ตอบโต้รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หากรัสเซียยังไม่ยอมถอยทัพ ความตึงเครียดจะยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไป 

3.) เศรษฐกิจ

ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสอง ได้สร้างพันธมิตรกับรัฐบาลรัสเซีย แม้จะไม่เห้นด้วยกับสิ่งที่รัสเซียทำแต่ก็ไม่อาจคว่ำบาตรได้โดยตรง มีนักวิเคราะห์หลายคนสันนิษฐานว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียอาจกระตุ้นให้จีนเร่งแผนการรวมชาติกับไต้หวันอีกครั้ง ความอ่อนแอของประชาธิปไตยในโลกตะวันออกอาจทำให้รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่านอยู่ฝ่ายหนึ่ง และสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศพันธมิตรอื่นๆ ก็จะอยู่อีกฝั่งหนึ่ง แบ่งค่ายกันชัดเจนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียต้องการลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองของโลกในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับทองคำ 

วิธีการลงทุนในทองคำ

เส้นทางที่ง่ายที่สุดสำหรับการลงทุนในทองคำคือการลงทุนผ่านโบรเกอร์ จริงอยู่ว่าเราอาจจะสามารถซื้อทองคำมาถือครองส่วนตัวได้ แต่นั่นก็มีความเสี่ยงต่อการสูญหาย หรือถูกโจรกรรม สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในทองคำสามารถเริ่มต้นได้ด้วยการ

- ลงทุนใน ETF อย่างเช่น SPDR® Gold Shares ETF (NYSE:GLD) iShares Gold Trust (NYSE:IAU) VanEck Gold Miners ETF (NYSE:GDX) VanEck Vectors Junior Gold Miners ETF (NYSE:GDXJ) และ GraniteShares Gold Trust ETN (NYSE:BAR)

- ลงทุนในบริษัทเจ้าของเหมืองทองคำอย่างเช่น Newmont Goldcorp (NYSE:NEM) และ Barrick Gold (NYSE:GOLD)

สภาพภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในปัจจุบันจะช่วยหนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น ทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการถือครองโลหะสูงขึ้น แต่ตราบใดที่สงครามยังไม่จบ นักลงทุนจะตีความว่าความเสี่ยงยังคงอยู่

ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นของตลาดและความต้องการลงทุนจะทำให้ราคาทองคำผันผวน การแข็งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ทองคำปรับตัวลดลง ในทางกลับกัน หากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ทองคำก็จะมีมูลค่ามากขึ้น ตอนนี้ เราสามารถเห็นราคาทองคำขึ้นยืนเหนือ 1,900 ดอลลาร์แล้ว จุดนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนสิงหาคม 2020 ที่ระดับ 2,063 ดอลลาร์อีกครั้ง 

ความคิดเห็นล่าสุด

ต้องมาปรับฐานก่อน
ครับ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย