หากคุณเป็นนักลงทุนที่ซื้อและถือยาว คุณควรเก็บหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งไว้ในพอร์ต บริษัทเหล่านี้สามารถทนต่อความเสี่ยงภัยสงคราม ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ หรือการระบาดใหญ่ได้ดีกว่าบริษัทที่มีขนาดเล็ก กล่าวคือหุ้นเหล่านี้สามารถมอบความปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีแต่ความเสี่ยงได้
สิ่งที่กล่าวไปนั้นอาจอาจเกิดขึ้นได้หากธนาคารกลางสหรัฐเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างจริงจัง หรือหากการรุกรานของรัสเซียในยุโรปยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จุดแข็งขององค์กรเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน ไม่ว่าพวกเขาจะแสวงหาผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือไม่ก็ตาม ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความผันผวนเช่นนี้ มีหุ้นสามตัวที่เราพิจารณาแล้วว่าปลอดภัยมาให้คุณผู้อ่านได้พิจารณากัน
1. Apple
นักวิเคราะห์บางคนอาจจะมีความเห็นว่าหุ้นของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เป็นหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ก็จริง แต่กลับมีความน่าดึงดูดในเชิงของรายได้น้อย แต่พวกเขามักจะลืมมองถึงความจริงที่ว่านี่คือหนึ่งในบริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงมากที่สุดในโลก อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในวันที่ 25 ธันวาคม ตอนนี้บริษัทแอปเปิลมีเงินสดที่ถือเอาไว้รวมแล้วทั้งสิ้นมากกว่า $200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
การมีเงินสดอยู่ในมือของแอปเปิลหมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าแอปเปิลมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงได้มากกว่าบริษัทอื่น ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้อีกมากน้อยแค่ไหน นักลงทุนที่ถือครองหุ้นแอปเปิลอยู่ก็ยังสามารถยิ้มออกได้
เมื่อวานนี้หุ้นแอปเปิลมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $160.24 มีอัตราการปันผลอยู่ที่ 0.51% อาจจะฟังดูเหมือนตัวเลขนี้น้อย แต่เมื่อลองพิจารณาในภาพรวมแล้ว จะเห็นถึงความมั่นคงของหุ้นแอปเปิลได้เป็นอย่างดี ห้าปีล่าสุด แอปเปิลปรับขึ้นอัตราการปันผลเกือบ 10% และมากกว่านั้น มีอัตราการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.22 รู้หรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทแอปเปิลได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่ซื้อหุ้นตัวเองคืนมากที่สุด แอปเปิลใช้เงินไปมากกว่า $8,550 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อหุ้นของตัวเองคืน
ในรายงานปีงบประมาณที่นับมาจนถึงเดือนกันยายนปี 2021 บริษัทแอปเปิลใช้เงินไปกับการปันผลทั้งหมด $14,500 ล้านเหรียญสหรัฐ จริงอยู่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่สวยงามสำหรับหุ้นเทคฯ แม้แต่ดัชนีหลักอย่างแนสแด็ก 100 ยังปรับตัวลดลงไปแล้วมากกว่า 18% แต่ความแข็งแกร่ง และความแข็งแกร่งที่บริษัทตามที่กล่าวมาสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในช่วงต้นปี 2022 ได้ไม่มากก็น้อย
2. Microsoft
เมื่อพูดถึงบริษัทที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว หุ้นตัวต่อไปที่เราจะแนะนำคือบริษัทที่ครองตำแหน่งอยู่ในอันดับสองรองจากแอปเปิล นั่นคือยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์นามไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) นี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับการซื้อและถือครองไปนานๆ
หุ้นไมโครซอฟต์มีอัตราการปันผลต่อปีในระยะเวลาห้าปีล่าสุดอยู่ที่ 10% มีการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.62 ต่อหุ้น มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $280.34 แม้ตัวเลขการปันผลอาจจะดูน้อย แต่บริษัทนี้กลับสามารถเพิ่มอัตราการปันผลได้อยู่ตลอดทุกปี เชื่อหรือไม่ว่าในระยะเวลาห้าปีล่าสุด อัตราการได้เงินคืนจากหุ้นไมโครซอฟต์คิดเป็น 335% มากกว่าความสามารถที่ดัชนีแนสแด็กจะสามารถทำได้อยู่หลายเท่าตัว
แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ จะผันผวนเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แต่ธุรกิจหลักของไมโครซอฟต์ยังสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความยืดหยุ่นมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งคนอื่นๆ บริษัทมีจุดยืนที่โดดเด่นในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานในระดับองค์กร
ไมโครซอฟต์มีระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ ที่เป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องกังวลว่าการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์จะทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการสูญเสียลูกค้ามากเกินไป หากคุณกำลังลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บริษัทไมโครซอฟต์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเก็บเข้าสู่พอร์ตลงทุนของคุณ บริษัทเหล่านี้คือยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจปกป้องธุรกิจของตัวเอง และสามารถจ่ายเงินปันผลให้คุณได้ตลอดชีวิต
3. Broadcom
บริษัทสุดท้ายก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งกลุ่มเทคโนโลยี แต่บริษัทนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งก็คือชิปประมวลผล บรอดคอม (NASDAQ:AVGO) คือบริษัทสุดท้ายที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ และเป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล หรือไม่โครซอฟต์ ต่างก็ต้องพึ่งพาชิปประมวลผลสำหรับการสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาทั้งนั้น
ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา หุ้น AVGO มีอัตราการปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 48% คิดเป็นเปอร์เซ็นต์การปันผล 2.54% นับเป็นรายไตรมาสเท่ากับ $4.1 ถึงจะมีรายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดที่แข็งแกร่ง แต่กระแสเทขายหุ้นสายเทคฯ หันไปลงทุนกับหุ้นวัฐจักรนั้นได้ทำให้หุ้นบรอดคอมร่วงลงมา 15% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $565.31
แม้ว่าพฤติดกรรมหุ้นบรอดคอมในปีนี้จะไม่สวยงาม แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่านี่เป็นเพียงผลกระทบชั่วคราวเท่านั้น ในเดือนธันวาคมบริษัทบรอดคอมพึ่งจะประกาศเพิ่มเงินปันผลรายไตรมาสขึ้นอีก 14% และได้เปิดเผยแผนที่จะซื้อหุ้นของบริษัทคืนในมูลค่า $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ถือหุ้นว่าหากไม่สามารถควบรวมกิจการกับบริษัทอื่นได้สำเร็จ บริษัทจะเพิ่มเงินปันผลแทน
แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ธนาคารพาณิชย์ชื่อดังของอเมริกายังคงให้หุ้นบรอดคอมอยู่ในระดับควรซื้อ แม้ว่าแนวโน้มขาลงจะยังคงปกคลุมตลาดอยู่ BofA ให้เหตุผลว่า
“บริษัทบรอดคอมสามารถสร้างกระแสเงินสดในแต่ละไตรมาสได้ $3,000 - $4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 50% ของเงินมาร์จิ้นทั้งหมด นอกจากนี้บรอดคอมยังมีอัตราการปันผลในรอบครึ่งปีที่ดี คิดเป็น 3% ซึ่งถือว่าเหนือว่าตัวเลขค่าเฉลี่ย 1.2% ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าบริษัทจะยังคงสามารถเพิ่มอัตราการปันผลของตัวเองต่อไปได้อีกเรื่อยๆ”