
โปรดลองค้นหาใหม่อีกครั้ง
ในช่วงรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ความสนใจของนักลงทุนส่วนใหญ่มักจะไปกองรวมกันอยู่ที่บริษัทชื่อดัง ซึ่งการรายงานผลประกอบการรอบนี้ หนึ่งในบริษัทที่น่าสนใจกลับไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันดี แต่เป็นบริษัทโลจิสติกส์ขนาดยักษ์นาม United Parcel Service (NYSE:UPS) หรือที่เราอาจจะคุ้นชื่อพวกเขาในนาม ‘ยูพีเอส’ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทยูพีเอสประกาศผลกำไรในไตรมาสล่าสุดออกมาที่ $2,785 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มการปันผลขึ้นอีก 49%
รายงานผลกำไรที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ ทำให้ราคาหุ้นของยูพีเอสปรับตัวขึ้นประมาณ 15% สร้างจุดสูงสุดใหม่เอาไว้ที่ $233.72 ก่อนจะวิ่งกลับลงมาอยู่ที่ $217.26 ในวันอังคาร ถึงกระนั้น ในปีที่ผ่านมาหุ้น UPS สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ทั้งหมด 34.5% และตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 1.8%
ทั้งนี้ทั้งนั้น กำไรที่เพิ่มขึ้น 10% ของบริษัทได้มาจากแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีก ที่ก็สามารถรายงานผลประกอบการเอาชนะคาดการณ์ไปได้ ความต้องการสินค้าผ่าน e-commerce และปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนยังมีผลทำให้บริษัททั้งสองได้กำไรจากต้นทุนการขนส่ง
การที่ยูพีเอสและแอมาซอนสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ทำให้นักลงทุนคลายกังวลลงว่าต้นทุนเหล่านี้จะส่งผลให้ภาคการขนส่งชะลอตัวหรือไม่ เพราะตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ดัชนีที่ใช้วัดการคนส่งโดยเฉลี่ย Dow Jones Transportation Average ได้ปรับตัวลดลง 6.7% อันเป็นสาเหตุมาจากราคาพลังงานและต้นทุนแรงงานที่แพงขึ้น แต่หากจะวัดจริงๆ อีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนไม่ควรพลาดคือรายงานผลประกอบการของบริษัทเฟดเอ็กซ์ (NYSE:FDX) ที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดในวันที่ 17 มีนาคม
ข้อมูลทั้งหมดนี้นำไปสู่คำถามที่ว่าภาพรวมของ UPS จะสามารถช่วยดึงหุ้นกลุ่มขนส่งขึ้นในไตรมาสถัดๆ ไปได้หรือไม่ แล้วใครบ้างที่จะได้ประโยชน์? ในบทความนี้เราจะพาไปดูกองทุน ETF ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาต้นทุนในการขนส่ง
- ระดับราคาปัจจุบัน: $32.49
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $29.41 - $36.18
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.72%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.60% ต่อปี
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการขนส่งในสหรัฐอเมริกามีการแข่งขันสูง ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์หลายๆ คนใน ตลาดวอลล์ สตรีท จึงถือว่าอุตสาหกรรมนี้เป็นตัวบ่งชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจชั้นนำ การขนส่งของอเมริกายังสามารถแบ่งส่วนย่อยลงไปอีกได้แก่ โลจิสติกส์ บริการจัดส่งทางอากาศด่วน (EDS) รถไฟบรรทุกสินค้า การขนส่งทางทะเล และรถบรรทุก
กองทุนตัวแรกที่เราจะนำเสนอในบทความนี้มีชื่อว่า First Trust NASDAQ Transportation ETF (NASDAQ:FTXR) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทขนส่งของสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นเปิดให้ลงทุนครั้งแรกในเดือนกันยายนปี 2016
ปัจจุบัน FTXR ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 29 บริษัท อ้างอิงราคาตามดัชนี NASDAQ US Smart Transportation Index หุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทคิดเป็นเกือบ 55% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $1,130 ล้านเหรียญสหรัฐ หากแบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นออกเป็นกลุ่ม จะพบว่ากุล่มขนส่งทางรถไฟมีสัดส่วนมากที่สุด 17.29% ตามมาด้วยรถบรรทุก 16.37% ขนส่งทางเครื่องบิน 15.49% รถยนต์ 15.73% และผู้ให้บริการด้านการขนส่ง 8.33%
หุ้นของบริษัทที่ FTXR ถือครองได้แก่ Ford (NYSE:F) Union Pacific (NYSE:UNP) CSX (NASDAQ:CSX) Old Dominion Freight Line (NASDAQ:ODFL) และ PACCAR (NASDAQ:PCAR)
ตลอดระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด ราคาของ FTXR มอบผลตอบแทนคืนแก่นักลงทุนไปแล้ว 6.1% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ก่อนที่จะปรับตัวลดลงนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันแล้ว 6.45% FTXR มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 21.91x และ 3.33x ตามลำดับ นักลงทุนที่สนใจอาจจะรอให้ราคาปรับตัวไปยัง $31 แล้วจึงตัดสินใจลงทุน
- ระดับราคาปัจจุบัน: $20.85
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $18.75 - $21.10
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.60% ต่อปี
ส่วนหนึ่งของงานวิจัย ‘Transportation & Logistics 2030’ โดย PricewaterhouseCoopers เขียนเกี่ยวกับธุรกิจโลจิสติกส์เอาไว้ว่า
“การค้าทั่วโลกในปัจจุบันประมาณ 80% อาศัยการขนส่งทางทะเลและท่าเรือ เส้นทางการค้าใหม่ระหว่างเอเชียและแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้ และการค้าขายภายในเอเชียจะสร้างเส้นทางห่วงโซ่อุปทานให้กับโลกใหม่ ปริมาณการซื้อขายจะเปลี่ยนไปสู่ตลาดเกิดใหม่ และประเทศที่มีอัตราการพัฒนาน้อยที่สุดจะเป็นพื้นที่แรกๆ ที่นักลงทุนให้ความสนใจ”
นั่นจึงเป็นที่มาของการแนะนำกองทุนที่สองของเรา US Global Sea to Sky Cargo ETF (NYSE:SEA) เป็นกองทุนที่ลงทุนบริษัทขนส่งทางทะเลและอากาศ SEA เปิดให้เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่เดือน 20 มกราคมปี 2022 มีราคาเปิดกองทุนอยู่ที่ $20.10 ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น $20.85 ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน SEA ถือครองหุ้นบริษัทอยู่ทั้งหมด 29 บริษัท อ้างอิงราคาตามดัชนี US Global Sea to Sky Cargo Index หุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทคิดเป็น 50% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $8.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หากแบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นออกเป็นกลุ่ม จะพบว่าหุ้น 70% อยู่ในกลุ่มขนส่งทางเรือ ส่วนที่เหลือจะเป้นการขนส่งทางอากาศ และตู้คอนเทนเนอร์ บริษัทที่ SEA ถือครองหุ้นมีสหรัฐฯ คิดเป็น 27% ตามาด้วยฮ่องกง 19% ไต้หวัน 14% ญี่ปุ่น 14% เยอรมัน 7% และอื่นๆ
หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ ZIM Integrated Shipping Services (NYSE:ZIM), Orient Overseas International (OTC:OROVY), COSCO SHIPPING (OTC:CICOY) และ Nippon Yusen (OTC:NPNYY)
เนื่องจากกองทุนนี้เป็นกองทุนน้องใหม่ ยังไม่มีประวัติการวิ่งของราคาที่ยาวเหมือนกับกองทุนอื่น ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจควรจะศึกษาให้มาก ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนกับกองทุนตัวนี้
Jim Cramer ออกมาเตือนให้ Cathie Wood ปิดกองทุน Ark Invest ! หยุดรับเงินที่กำลังไหลเข้ามาในกองทุนเถอะ ให้ตั้งใจบริหารเงินที่มีอยู่ให้ที่ดีที่สุดก็พอแล้ว "อย่าจับปลาสองมือ" ! Jim...
หุ้นที่มีการเติบโตถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะหุ้นเหล่านี้สามารถมอบผลตอบแทนกลับคืนมาได้รวดเร็วกว่าหุ้นในกลุ่มอื่นๆ โดยปกติแล้ว...
เมื่อวานนี้เราได้พูดถึงหุ้นกลุ่มพลังงานโดยได้ยกตัวอย่างมาจากหุ้นของเอ็กซอน โมบิลว่ามีโอกาสปรับตัวขึ้นเนื่องด้วยปัจจัยสนับสนุนเช่นข่าวดีวัคซีนและการกระจายเงินทุนไปสู่หุ้นกลุ่มวัฐจัก
คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการบล็อก %USER_NAME%?
เมื่อทำการบล็อก คุณและ %USER_NAME% จะไม่สามารถเห็นโพสต์ของแต่ละฝ่ายบนเว็บไซต์ Investing.com ได้
%USER_NAME% ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน Block List ของคุณแล้ว
เนื่องจากคุณเพิ่งยกเลิกการบล็อกบุคคลนี้ คุณต้องรอ 48 ชั่วโมงก่อนการบล็อกอีกครั้ง
ฉันรู้สึกว่าความคิดเห็นนี้
ขอบคุณ!
รายงานของคุณได้ถูกส่งไปยังผู้ดูแลบอร์ดของเราเพื่อการทบทวน
แสดงความคิดเห็น
เราสนับสนุนให้ท่านได้ใช้ช่องทางการแสดงความคิดเห็นนี้เพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับผู้ใช้เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนในทัศนคติและสอบถามข้อสงสัยกับผู้เขียนและสอบถามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่เราทุกคนต้องการและคาดหวังดังนี้กรุณาพึงระลึกในข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ผู้ที่โพสต์เนื้อหาข้อความสแปมหรือใช้เว็บไซต์นี้ไปในทางผิดจะถูกลบรายชื่อทิ้งจากเว็บไซต์และถูกปิดกั้นการลงทะเบียนเป็นสมาชิกในอนาคตซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของเว็บไซต์ Investing.com