ปัจจัยผลักดันที่มีต่อตลาดหุ้นอเมริกาในช่วงไม่กี่เดือนนี้จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ และแผนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อสกัดกั้น เพราะเช่นนั้น ทุกสายตาจึงคอยจับจ้องมาที่การประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือหนึ่งในสี่มาตรวัดเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์ที่สองหลังจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานฯ ทุกต้นเดือน
สำหรับตัวเลข CPI ในเดือนมกราคม นักวิเคราะห์คาดว่าจะออกมาที่ 7.3% สูงกว่าเดิมที่ 7.0% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 1982
ดังนั้นบทความนี้ เราจึงอยากจะนำเสนอหุ้นสามตัว ที่คัดมาจากสามกลุ่มอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันหุ้นจากกลุ่มพลังงาน การเงินและวัสดุก่อสร้างเหล่านี้ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญหุ้นเหล่านี้ยังมีค่า P/E ที่ต่ำ ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงช่วงเวลาแห่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะมีหุ้นตัวไหนบ้าง บทความนี้จะพาไปดู
1. ConocoPhillips
- อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E): 15.3
- มูลค่าตามราคาตลาด: $118,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
- พฤติกรรมราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน: +26.5%
หุ้นตัวแรกเป็นของหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ConocoPhillips (NYSE:COP) ที่มีธุรกิจหลักเป็นการผลิตและสำรวจพลังงานปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ LNG และสินค้าด้านพลังงานอื่นๆ หลังจากเปิดปี 2022 ได้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา เราคาดว่าหุ้น ConocoPhillips จะสามารถปรับตัวให้สูงขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงร้อนแรง และนักลงทุนยังคงมองหาหุ้นบริษัทที่มีมูลค่าสูง และทำผลงานได้ดีในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้น COP ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งหมด 26.5% การปรับตัวขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ทำให้ตัวเลขของการให้ผลตอบแทนแซงหน้าดัชนีหลักทั้งสามของอเมริกาอย่างดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หุ้น COP มีราคาปิดอยู่ที่ $91.33 ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $94.93 เล็กน้อย
อัตราส่วน P/E ซึ่งอยู่ที่ 15.3 นั้นถือว่าน้อยกว่าบริษัทคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่างเช่น Chevron (NYSE:CVX), EOG Resources (NYSE:EOG), Pioneer Natural Resources (NYSE:PXD) และ Devon Energy (NYSE:DVN) นอกจากนี้ COP ยังมีอัตราการปันผลรายปีอยู่ที่ $1.20 ต่อหุ้นด้วยเรต 2.50% มากกว่าผลตอบแทนของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 1.34%
บริษัท ConocoPhillips พึ่งจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ และรายงานผลประกอบการก็สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ได้ บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มผลตอบแทนคืนแก่นักลงทุนเป็นเงินทั้งหมดรวม $8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลักๆ คาดว่าจะมาจากการซื้อหุ้นคืนและการปันผล
ที่มา: InvestingPro
ด้วยผลงานเช่นนี้ InvestingPro จึงได้คำนวณว่ามีโอกาสที่หุ้น COP จะเติบโตขึ้นอีก 34% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ระดับมูลค่ายุติธรรมที่ $122.47 ต่อหุ้น นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อว่าหุ้นตัวนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันที่ขยับเข้าใกล้ $100 ต่อบาร์เรลเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
2. Aflac
- อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E): 10.2
- มูลค่าตามราคาตลาด: $43,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
- พฤติกรรมราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน: +13.1%
บริษัทผู้ให้บริการประกันภัยที่รับประกันการต่ออายุได้รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา Aflac (NYSE:AFL) เริ่มต้นปี 2022 ได้อย่างสวยงามเช่นกัน การที่นักลงทุนเปลี่ยนกลยุทธ์จากการลงทุนในหุ้นเติบโตมาเป็นกลุมวัฐจักรที่มีราคาถูกมากขึ้น ทำให้หุ้นแอฟลัคได้รับอานิสงส์เชิงบวกไปด้วย แอฟลัคดูเป็นตัวเลือกสำหรับคานเงินเฟ้อที่ไว้ใจได้ จากค่า P/E ที่ 10.2 และมีตัวเลขการปันผลรายปีอยู่ที่ $1.60 หรือ 2.42% ต่อหุ้น
นอกจากความสามารถในการคานความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ดี หุ้นของแอฟลัคยังมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น จากการลงทุนระยะยาวในพันธบัตรรัฐบาล ที่ตอนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีขยับเข้าใกล้ 2% และมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่านั้นได้ ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน หุ้น AFL ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 13/1% มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $66.04
รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของบริษัทแอฟลัคเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ ผลการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นคือกำลังหลักที่ทำให้หุ้นแอฟลัคมีผลงานที่ดีในวันนี้ ชัยชนะดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากคำมั่นสัญญาที่บริษัทจะมอบผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นมากขึ้น ในรูปแบบของการซื้อหุ้นคืนและการเพิ่มเงินปันผล ในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 บริษัทได้อนุมัติให้มีการเพิ่มเปอร์เซนต์ปันผลขึ้นเป็น 21.2% ทำสถิติการปรับขึ้นเงินปันผล 39 ครั้งติดต่อกันไปเรียบร้อย
จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตกใจหากเห็นว่าทำไม InvestingPro จึงคาดการณ์ว่าหุ้น AFL จะมีโอกาสขึ้นได้อีก 7.1% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้าจากราคาปัจจุบัน ขยับเข้าใกล้ระดับมูลค่ายุติธรรมที่ $70.74
ที่มา: InvestingPro
3. The Mosaic Company
- อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E): 9.5
- มูลค่าตามราคาตลาด: $17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
- พฤติกรรมราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน: +14.3%
บริษัทสุดท้ายที่เราจะแนะนำในบทความนี้คือผู้ผลิตชั้นนำของโลกในด้านของสารอาหารพืชฟอสเฟตและโปแตช Mosaic Company (NYSE:MOS) สินค้าทางการเกษตรที่มีราคาแพงขึ้น และการขยายตัวของวงการเกษตรในสหรัฐอเมริกาทำให้หุ้นของโมซาอิคปรับตัวขึ้นในปีนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นโมซาอิคปรับตัวขึ้นมาแล้ว 14.3% มีค่า P/E อยู่ที่ 9.5 และพึ่งจะสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาที่ $45.07 ก่อนปรับตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ $44.93
บริษัทโมซาอิคจะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรที่บริษัทจะสามารถทำได้ในไตรมาสนี้คือ $3,850 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 56.5% และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 243% หรือจาก $0.57 เป็น $1.96
ด้วยข้อมูลเช่นนี้ เราจึงเชื่อว่าระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ปี 2022 เป็นปีที่ดีของโมซาอิค บริษัทยังคงได้รับประโยชน์จากความต้องการที่แข็งแกร่ง และปัจจัยพื้นฐานด้านราคาธาตุอาหารพืชผลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสภาวะเงินเฟ้อ ผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งของโมซาอิคจะช่วยให้สามารถคืนเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น ในรูปแบบของการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทเพิ่งประกาศการจ่ายเงินปันผลประจำปีเพิ่มขึ้น 50% คิดเป็นเงิน $0.45 ดอลลาร์ต่อหุ้น
จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตกใจหากเห็นว่าทำไม InvestingPro จึงคาดการณ์ว่าหุ้น MOS จะมีโอกาสขึ้นได้อีก 36% ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้าจากราคาปัจจุบัน ขยับเข้าใกล้ระดับมูลค่ายุติธรรมที่ $61.15
ที่มา: InvestingPro