Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,685 จุด SET ยังมีโอกาส ผันผวนต่อเนื่อง เรายังเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน ที่ได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มขึ้น ของดอกเบี้ย (KBANK (BK:KBANK) BBL และ BLA) รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (AOT (BK:AOT) BAFS MINT และ SHR) หุ้นที่ถูกคาดหมายกําไรสุทธิ 4Q64 เติบโตโดดเด่น ได้แก่ BEC BH TU และ SPALI รวมไปถึง หุ้นในกลุ่ม Domestic และหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่าง อุปโภคบริโภค ค้าปลีก และ ขนส่งในประเทศ ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ภาพรวมการลงทุนยังคงต้องระมัดระวังการ ลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ํามันดิบที่ปรับลดลง จะเป็นปัจจัยจํากัดการฟื้นตัวของ SET โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานเป็นหุ้นหลักพยุงตลาดในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงแรงกดดันก่อนรายงาน CPI สหรัฐฯ วันที่ 10 ก.พ. นี้ คาดรายงาน CPI หนุนเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราเร่ง เรามองเป็นบวกต่อ KBANK BBL และ BLA - ติดตาม รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจําเดือน ม.ค. (มีกําหนดรายงาน 10 ก.พ. ทราบผลเช้าวันที่ 11 ก.พ. ตามเวลาไทย) โดย Market Consensus คาดเพิ่มขึ้น 0.56MoM และเพิ่มขึ้น 7.3%YoY ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นตัวแปรสําคัญก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบาย การเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. เราให้น้ําหนักโอกาสที่สหรัฐฯ จะรายงาน CPI ตามคาด หรือมีน้ําหนักที่จะ มากกว่าคาด หลังราคาน้ํามันดิบ ที่เป็นปัจจัยสําคัญต่อการเร่งตัวของเงินเฟ้อ ยังคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง โดยในปี 2565YTD ปรับเพิ่มกว่า 20% รวมไปถึงอัตราค่าจ้าง และการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยก่อน หน้านี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 467,000 ตําแหน่ง ในเดือน ม.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 150,000 ตําแหน่ง) และอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) สหรัฐฯ อยู่ที่ 4,0% (คาดอยู่ที่ 3.99%) ทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี ยังคงปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3024% และ 1.925% ตามลําดับ นอกจากนี้ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group ให้น้ําหนัก 35% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มี.ค. (ให้น้ําหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%) เป็นการเพิ่มต่อเนื่อง ประเด็นดังกล่าวจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม ธนาคารและกลุ่มประกัน ได้แก่ KBANK BBL KTB TTB และ BLA
ติดตามมุมมองเงินเฟ้อ และ GDP ปี 65 ในการประชุม กนง. พรุ่งนี้ (9 ก.พ.) เราเชื่อยังคาดคงดอกเบี้ย เช่นเดิม - ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พรุ่งนี้ (9 ก.พ.) เราคาดว่า กนง. จะยังคง มติอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% แม้จะมีผลกระทบจากสถานการณ์โอมครอน ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. ต่อเนื่องถึงเดือน ม.ค. แต่ผลกระทบค่อนข้างจํากัด ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงต้องการสนับสนุน ทางด้านนโยบายการเงิน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ ประเด็นที่น่าติดตามอยู่ที่ มุมมองของ กนง. ต่อปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มในอัตราเร่ง และภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2565 ที่มีความเสี่ยงต่อการถูก ปรับประมาณการลง โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่เร่งตัว จะกระทบต่อกําลังซื้อในประเทศ ขณะที่เราเชื่อว่าการ ใช้นโนบายการเงิน โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะไม่ลดผลกระทบจากการเร่งตัวขึ้นของภาวะเงินเฟ้อใน ปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเกิดจากภาวะอุปทานที่ตั้งตัว ทําให้เราเชื่อว่าประมาณการการ เติบโตทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) ของ กนง. ในปี 2565 ยังคงมี Downside ขณะที่ กนง. จะยังคงกรอบประมาณการเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 ไว้เท่าเดิมที่ 1% ถึง 3% • ราคาน้ำมันดิบปรับลด กังวลอุปทานเพิ่ม หลังสหรัฐฯ ยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน เรามองเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม
OIL Play - สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 91.32 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 99 เซนต์ (-1.1%) หลังคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้คืนสถานะยกเว้นการคว่ําบาตรให้แก่อิหร่าน เพื่อเปิดทางสู่ โครงการความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์นานาชาติ ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ํามันดิบ โดยปัจจุบันอิหร่านมีการผลิตน้ํามันดิบอยู่ที่ 2.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังมี Spare Capacity ที่สามารถผลิต เพิ่มได้อีกอย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปัจจัยดังกล่าวลดทอนความกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน ติดตามรายงานน้ํามันดิบประจําสัปดาห์ของสหรัฐฯ โดยสํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกําหนดเปิดเผยข้อมูล วันที่ 9 ก.พ. ไทยเตรียมเจรจาจีนและมาเลเซีย เรื่อง Travel Bubble เรามองว่าน่าสนใจ ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้น ในกลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว เราเลือก AOT BAFS MINT และ SHR เป็นหุ้นเด่น - ติดตามภาพรวมการ ท่องเที่ยว ที่จะกลับมาน่าสนใจ โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างการเจรจากับจีนและมาเลเซีย เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ระหว่างกัน เพื่อสร้างระเบียงท่องเที่ยว (Travel Bubble) โดยเป็นการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศที่มีความ ปลอดภัยจากโควิดสูง โดยไม่ต้องมีการกักกันตัว ปัจจุบันรัฐบาลหารือ กับ รมต. วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ของจีน ในระยะอันใกล้ และจะมีการเจรจากับมาเลเซียในช่วงปลายเดือน ก.พ. แม้ปัจจุบันยังมีรายละเอียดไม่ มากเกี่ยวกับการเจรจา และความคืบหน้าในการเจรจา โดยเราจะติดตามข้อมูลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และมานําเสนอในลําดับต่อไป อย่างไรก็ตามประเด็นกล่าวจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ได้แก่ AOT BAFS BA AAV MINT ERW CENTEL และ SHR มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก BEM MINT และ SCB
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities