ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% กำลังทำให้นักวิเคราะห์ตลาดพันธบัตรตกที่นั่งลำบาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีได้ปรับตัวขึ้นมายัง 1.2% ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าในวันที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงๆ อัตราผลตอบแทนฯ 2 ปีนี้จะสามารถขึ้นทดสอบระดับ 1.5%
หากเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น เส้นเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนระยะสั้นและยาวจะมีความโค้งที่ลดลง เพราะอัตราผลตอบแทนระยะยาวจะวิ่งอยู่ในระดับต่ำ พฤติกรรมเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายว่านักลงทุนกำลังเป็นกังวลกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว หรือไม่ก็อาจจะหมายความว่าพวกเขากำลังสับสนและไม่มีความมั่นใจ
เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มกราคม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถขึ้นยืนเหนือ 1.78% ถึงกระนั้นอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงหลังจากคำนวณเงินเฟ้อมาแล้วก็ยังคงอยู่ในระดับติดลบ ในขณะที่ค่าความต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนฯ 2 ปีกับ 10 ปียังคงปรับตัวลดลงประมาณ 60 จุดเบสิส จากจุดสูงสุดเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้า
มองไปทางไหนก็มีแต่ความไม่ชัดเจน
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ในตอนนี้คืออนาคตของตลาดลงทุนที่ไม่มีความแน่นอน ใครจะสามารถประเมินความรุนแรงได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตลาดการเงิน เมื่อท่าทีของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เปลี่ยนไปหลังจากได้เป็นประธานธนาคารกลางฯ ต่อในสมัยที่สอง และเพราะเหล่าผู้วางนโยบายการเงินไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเงินเฟ้อในตอนนี้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้การขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเพิ่มความมั่นใจของนักลงทุน ลดความรุนแรงเงินเฟ้อ และหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
สิ่งที่ตลาดลงทุนเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้คือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ถึงแม้ว่าเจอโรม พาวเวลล์จะกล่าวอย่างมั่นใจว่าธนาคารกลางมีเครื่องมือที่พร้อมจะต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ แต่สิ่งที่นักลงทุนสงสัยก็คือว่าเครื่องมือเหล่านี้จะสามารถสู้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาซัพพลายเชน และแรงงานขาดแคลน ที่เป็นสาเหตุทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นได้อย่างไร
อีกหนึ่งความไม่แน่นอนคือการลดวงเงินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนี้นักลงทุนไม่ได้แค่อยากรู้ว่าการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะจบลงภายในเดือนมีนาคม แต่นักลงทุนยังคาดหวังให้ธนาคารกลางฯ ลดวงเงินในการลงทุนซื้อพันธบัตรรอบใหม่ เพื่อที่จะได้เห็นว่าธนาคารกลางฯ ยอมลดงบดุลของตัวเองในการซื้อพันธบัตรลงมาจริงๆ
สัปดาห์นี้ตลาดลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นรายงานตำแหน่งงานเปิดใหม่จาก JOLTS ตัวเลขการจ้างงานจากภาคเอกชน ADP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก อัตราการว่างงาน และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอเมริกา หากข้อมูลทั้งหมดออกมาขัดแย้งกันเอง ก็จะยิ่งสร้างภาพรวมความไม่นอนในตลาดลงทุนต่อไป
ภาพรวมตลาดพันธบัตรรัฐบาลยุโรป
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีในที่สุดก็สามารถขยับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกได้แล้วด้วยตัวเลข 0.01% นักลงทุนต่างพากันเทขายพันธบัตรยุโรป เพราะเชื่อว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ
ประเทศเดียวในยุโรปที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไม่ปรับตัวขึ้นคืออิตาลี เมื่อประธานาธิบดีเซอร์จิโอ มาตาเรร่าตัดสินใจทิ้งแผนเกษียณ และดำรงตำแหน่งผู้นำต่อในสมัยที่สอง นักลงทุนจึงตัดสินใจกลับเข้าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี แสดงถึงความมั่นใจในแนวทางการนำประเทศของเซอร์จิโอ และการออกจากเกมการเมืองของนายมาริโอ ดรากิ
เกมการเมืองดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุด 1.28% ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 1.365% ก่อนปิดตลาดซื้อขายเมื่อวันจันทร์ ในขณะเดียวกัน ค่าพรีเมียมของพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันได้หดตัวลดลงมาจาก 150 จุดเบสิส ลงมาเหลือ 135 จุดเบสิส ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองของอิตาลีที่ยังไม่นิ่ง