เกิดสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเห็นขึ้นในวันแรกของการเปิดสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมกราคม เมื่อดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1,115 จุดในช่วงแรกที่ตลาดลงทุนสหรัฐฯ เปิดทำการ ก่อนที่จะสร้างปฏิหารย์ วิ่งกลับขึ้นมาปิดบวกได้เกือบ 100 จุดก่อนปิดตลาดซื้อขาย ในช่วงเช้าของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย เราไม่ได้เห็นความผันผวนเช่นนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด
ความผันผวนในดัชนีดาวโจนส์ส่งผลกระทบมายังตลาดสกุลเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กราฟ EUR/USD และ AUD/JPY ปรับตัวกลับขึ้นมาตามดาวโจนส์ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ก่อนการประกาศผลประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันพรุ่งนี้ สำหรับการประชุมของเฟด ตอนนี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะได้เห็นรายละเอียดของการเตรียมปรับนโยบายการเงินให้มีการตึงตัวมากขึ้นในเดือนมีนาคม ตราบใดที่ความเชื่อของตลาดลงทุนยังมีแต่การปรับนโยบายการเงินขึ้นหรือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเซอร์ไพรส์ ข่าวเหล่านี้มีแต่จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าไปเรื่อยๆ ก่อนมีการประชุมจริง
การเทขายที่เกิดขึ้นกับดาวโจนส์สะท้อนให้เห็นความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ในวันที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังถือว่าไม่เร็วพอ ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ประการหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในช่วงการเทขายแปดวันติดต่อกัน 10% ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน คือหุ้นกลุ่มเน้นมูลค่ากลายเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวังที่จะได้หลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำให้ตลาดสกุลเงินสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุด และเป็นไปได้ว่าเราอาจจะยังได้เห็นการฟื้นตัวแบบตัววี (V Shape) เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก ก่อนจะได้ทราบผลการประชุมที่แท้จริงในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย
ด้วยหลักฐานที่เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อเติบโตขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 1982 และตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยและภาคการผลิตออกมาน่าผิดหวัง ทำให้ตลาดลงทุนเชื่ออย่างหมดใจว่าจะต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคมอย่างน้อย 50 จุดเบสิส ซึ่งตลาดหวังว่าจะได้เห็นรายละเอียดจากการประชุมของธนาคารกลางในช่วงสองวันนี้ หากการประชุมได้ข้อสรุปว่ามีความจำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวขึ้นหรือจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยสี่ครั้งในปี 2022 การประกาศนี้จะทำให้ตลาดหุ้นกลับเข้าสู่ขาลงดังเดิม ส่งดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่า กดดันสกุลเงินอื่นให้ปรับตัวลดลง
สกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในวันนี้คือดอลลาร์ออสเตรเลียเพราะดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปรับตัวลดลงสู่จุดต่ำสุดในรอบแปดเดือน สะท้อนให้เห็นกิจกรรมในภาคการผลิตของออสเตรเลียที่หดตัวลดลง นอกจากดัชนีภาคการผลิต ดัชนี PMI ในภาคบริการก็ปรับตัวลดลงเร็วเช่นกัน การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ปัญหาซัพพลายเชน และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว กลายเป็นปัญหารุมเร้าเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลีย การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มีส่วนกับการทำให้ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง
สิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างนิวซีแลนด์ ที่ยังสามารถรักษาเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่ดี ตัวเลขกิจกรรมในภาคบริการและการผลิตก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคานมที่ปรับตัวขึ้นตามเงินเฟ้อ ส่งผลดีให้กับกลุ่มผู้ผลิต แต่ถึงอย่างนั้น สกุลเงินอย่างดอลลาร์นิวซีแลนด์กลับอ่อนค่าลงตามดอลลาร์ออสเตรเลีย สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาไม่ปรับตัวลดลงต่อเพราะราคาน้ำมันดิบทรงตัว และการรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางแคนาดา
การปรับตัวลดลงของดัชนี PMI ทำให้สกุลเงินปอนด์อ่อนค่า สวนทางกับสกุลเงินยูโรที่ขึ้นได้เล็กน้อยเพราะตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเยอรมันออกมาดี กิจกรรมภาคการผลิตในเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้นจาก 58 เป็น 59 ในเดือนมกราคม ช่วยกลบข่าวดัชนี PMI ภาคการบริการที่ลดลงจาก 53.3 เป็น 52.4 จุดได้ ถือเป็นข่าวดีที่โอมิครอนไม่สามารถทำอะไรกับภาคการผลิตและบริการของเยอรมัน ซึ่งมีส่วนช่วยกับตัวเลขดัชนีวัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจจาก Ifo ที่รายงานในวันนี้ให้ขยายตัวขึ้นเป็น 95.7 จุด