รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Tesla, Apple, Chevron

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 24/01/2565 13:51
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ดูเหมือนว่ารายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ที่เริ่มเปิดฉากมาได้เป็นเวลาสัปดาห์กว่าๆ จะไม่สามารถกอบกู้ขาลง ที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้วได้ ดัชนีแนสแด็ก 100สร้างขาลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ส่งผลให้ตลาดหุ้นอเมริกาเกิดการเทขายหนักที่สุดในรอบสองปีล่าสุด

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจึงหวังว่าจะได้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นบ้าง เมื่อบริษัทชื่อดังจะพากันรายงานผลประกอบการ และคาดการณ์ภาพรวมตลาดและเศรษฐกิจในปีนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่บนดัชนีดาวโจนส์ไม่ว่าจะเป็นโบอิ้ง (NYSE:BA) และแคทเทอร์พิลล่าร์ (NYSE:CAT) ฯลฯ จะรายงานผลประกอบการฯ ท่ามกลางความกังวลที่มีต่อการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ 

ในช่วงสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับการรายงานผลกำไรไตรมาสที่ 4 นี้ เราจะให้ความสำคัญไปที่หุ้นยักษ์ใหญ่ 3 ตัว รายรับของพวกเขาจะสามารถช่วยตอบคำถามว่าบริษัทเหล่านี้จะยังคงได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวหลังโรคระบาด ที่ทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นหรือไม่

1. Tesla

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพุธที่ 26 มกราคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เทสลาจะสามารถทำกำไรได้ $16,990 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.26 TSLA Weekly TTM

ในช่วงปีใหม่ เทสลาได้ประกาศว่าพวกเขาสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 4 ให้กับลูกค้าทั้งหมด 308,600 คัน เอาชนะสถิติเดิมที่เคยทำไว้ได้เรียบร้อย การที่ตัวเลขส่งมอบฯ สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ได้กำไรทั้งหมดของเทสลาในปี 2021 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ประมาณ 87% คิดเป็นจำนวนรถทั้งหมดที่ส่งมอบทั้งปี 936,000 คัน แสดงให้เห็นว่าปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน ไม่ใช่เรื่องที่ CEO คนเก่งอีลอน มักส์จะไม่สามารถเอาชนะได้

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้กลับไม่ได้ช่วยราคาหุ้นของบริษัท ที่ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 จากวันที่ 3 มกราคม ที่เป็นวันทำการแรกของปี 2022 จนถึงตอนนี้ หุ้นเทสลาปรับตัวลดลงมาแล้ว 11% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $943.90 ลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ที่ $1,243.49

2. Apple

บริษัทผู้ผลิตมือถือชื่อดัง ‘iPhone’ (NASDAQ:AAPL) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้แอปเปิลจะสามารถทำกำไรได้ $118,740 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.89 AAPL Weekly TTM

สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญในรายงานผลประกอบการของบริษัทแอปเปิลคือความสามารถในการผลิตที่ยังคงทันความต้องการของผู้บริโภคอยู่ ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม ทิม คุก CEO คนดังของแอปเปิลได้เคยออกมาเตือนนักลงทุนว่าปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนส่งผลกระทบถึงความสามารถในการผลิตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายของแอปเปิลจะต้องสูงจนสามารถสร้างเป็นสถิติใหม่ เพราะในช่วงนั้นแอปเปิลได้เปิดตัวผลภัณฑ์ใหม่ไม่ว่าจะเป็น iPad และ Macbook อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งเดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 8% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $162.41 ซึ่งยังถือว่าดีกว่าดัชนีแนสแด็ก 100 ที่ปรับตัวลดลง  12%

3. Chevron

บริษัทน้ำมันต่างชาติแห่งแรกที่ได้รับสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมในประเทศไทย “เชฟรอน” (NYSE:CVX) นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในไตรมาสนี้จะมีตัวเลขผลกำไรอยู่ที่ $44,590 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $3.11

CVX Weekly TTM

ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด บริษัทเชฟรอนกล่าวว่าจะนำกำไรที่ได้มากลับไปซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ราคาพลังงานกำลังมีราคาที่แพงขึ้น เพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่มให้กับบริษัท เพราะราคาก๊าซธรรมชาติที่แพงขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวของความสามารถในการกลั่นน้ำมันทำให้บริษัทเชฟรอนกำลังพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการซื้อหุ้นบริษัทคืน ในช่วงไตรมาสที่สามเชฟรอนรายงานว่าเป้นช่วยที่ภาพเขามีสภาพคล่องสูงที่สุด

ราคาน้ำมันดิบตอนนี้ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าช่วงต้นปี 2020 แล้วประมาณ 70% ล่าสุดองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ออกมาให้ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าความต้องการน้ำมันในปี 2022 จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าในช่วงที่มีการระบาด ในกรอบระยะเวลาหกเดือนล่าสุด หุ้นเชฟรอนปรับตัวขึ้นมาแล้ว 26% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $126.91

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย