การรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในสัปดาห์นี้จะเริ่มเป็นที่น่าจับตาในสายตาของนักลงทุนมากขึ้น การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี และปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนจะยิ่งทำให้นักลงทุนจับตากับรายผลผลประกอบการในสัปดาห์นี้มากขึ้น
นักลงทุนเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมและวัสดุก่อสร้างในปีนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างโดนเด่น เนื่องจากการโยกเงินจากหุ้นสายเติบโตมาเป็นหุ้นสายเน้นมูลค่า อ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์หลายสำนัก ค่าเฉลี่ยของอัตราการเติบโตของหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมในปีนี้จะอยู่ที่ 62% และ 52% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่เคยเติบโตได้ดีในช่วงสองปีก่อนจะไม่สามารถสร้างขาขึ้นได้อย่างโดดเด่นอีกแล้ว
รายงานจากเว็บไซต์ CNBC.com ระบุว่าตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของรายได้จากหุ้นกลุ่มวัฐจักรตั้งแต่เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 9.5% เทียบกับหุ้นเทคฯ ที่ปรับตัวลดลง 1.6% ในบทความนี้เราจะพาไปดูบริษัทที่จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2021 ในสัปดาห์นี้ที่ควรจับตามอง
1. Netflix
บริษัทเจ้าของแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งภาพยนตร์ชื่อดัง “เน็ตฟลิกซ์” (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม หลังจากตลาดลงทุนสหรัฐฯ ปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้เน็ตฟลิกซ์จะสามารถทำกำไรได้ $7,710 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตัวเลขอัตราการปันผลกำไรต่อหุ้นคาดว่าจะอยู่ที่ $0.8454
ณ ตอนนี้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงมาตั้งแต่สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน การเติบโตของวงการภาพยนตร์สตรีมมิ่งที่ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่เน็ตฟลิกซ์เพียงเจ้าเดียวอีกต่อไปทำให้นักลงทุนกังวลว่ามาร์จิ้นของเน็ตฟลิกซ์จะหดหายน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น ล่าสุดเน็ตฟลิกซ์พึ่งประกาศขึ้นราคาเก็บค่าสมาชิกของลูกค้าที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาด้วย
รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงนี้เน็ตฟลิกซ์จะปรับราคาในแพ็คเกจปกติจาก $1 ขึ้นเป็น $2 สำหรับผู้ชำระเงินในระดับพรีเมียม (แพ็คเกจที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถดูได้พร้อมกันทั้งหมด 4 จอ) เท่ากับว่าตอนนี้แพ็คเกจมาตรฐานที่ชาวอเมริกันต้องชำระให้กับเน็ตฟลิกซ์จะอยู่ที่ $15.49 เพิ่มขึ้น $1.50 ในช่วงสามเดือนล่าสุด หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวลดลงมาแล้ว 20% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $525.69
2. Procter & Gamble
บริษัทผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา “พรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล” (NYSE:PG) จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันพุธที่ 19 มกราคม ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสนี้ “พีแอนด์จี” จะสามารถทำกำไรได้ $20,340 ล้านเหรียญสหรัฐ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.66
พีแอนด์จีถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ แลัซัพพลายเชนขาดแคลน พวกเขาเคยบอกกับนักลงทุนในเดือนตุลาคมว่าตัวเลขคาดการณ์ของค่าใช้จ่ายปีงบประมาณหลังจากหักภาษีไปแล้วจะมีตัวเลขอยู่ที่ $2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ อันเป็นผลมาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ $1,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของพีแอนด์จีได้ปรับตัวลดลงมา 2% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $159.81 ในปี 2021 หุ้นพีแอนด์จีปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 19% ปีที่แล้วพีแอนด์จีเคยได้อานิสงส์จากโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนหันไปกักตุนสินค้ากันมากขึ้น แต่ด้วยสภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบถึงต้นทุนของบริษัท ทำให้กำไรที่ควรจะเติบโตต้องหดตัวลดลง
3. Schlumberger
บริษัทผู้ให้ดำเนินการขุด ผลิต สำรวจบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใน 120 ประเทศ “ชลัมเบอร์เจอร์” (NYSE:SLB) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันศุกร์ที่ 21 มกราคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ชลัมเบอร์เจอร์จะสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรได้ $6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.39
ด้วยความต้องการน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ตอนนี้หุ้นของชลัมเบอร์เจอร์ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคมขึ้นมา 33% เป้นสัญญาณบ่งบอกชัดเจนว่าบริษัทได้ผ่านช่วงเวลาร้ายร้ายมาเรียบร้อยแล้ว การระบาดของโควิดยังเป็นตัวบังคับให้บริษัทต้องเปลี่ยนโครงสร้างบุคลากรภายในองค์กรอีกด้วย ล่าสุดราคาหุ้นของชลัมเบอร์เจอร์ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 4% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $37.81