หากถามใครสักคนว่า “คุณคิดถึงอะไรเป็นอันดับแรกๆ หากพูดคำว่าคริปโตฯ ” แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องพูดชื่อของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์และอีเธอเรียมขึ้นมา บิทคอยน์คือเจ้าของตำนานผู้ปั้นเงินห้าเซนต์ในปี 2010 ให้กลายเป็น $60,000 ได้ภายในระยะเวลาสิบสองปี ในขณะที่อีเธอเรียมพึ่งสร้างตำนานให้กับตัวเองด้วยการมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในปีที่แล้วปีเดียว 391.75% มากกว่าบิทคอยน์ที่สามารถทำได้ 57.81%
ในปี 2022 ที่พึ่งจะมาถึงยังคงจะเป็นปีที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลถูกท้าทายมากขึ้น สกุลเงินจำนวน 16,650 เหรียญ และตลาดที่มีมูลค่ารวม $2.166 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจะต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองผ่านระบบกฎหมายของโลกยุคเก่า ในขณะเดียวกันก็ต้องแข่งขันกับพวกเดียวกันเองในการก้าวขึ้นเป็นเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตจริงๆ
ในขณะที่ฝั่งรัฐพยายามกีดกันและจำกัดการใช้งานสกุลเงินดิจิทัล ให้เข้าสู่ระบบศูนย์กลางตามที่พวกเขาถนัด ภาคเอกชนกลับเปิดใจ ยอมรับ และโอบอุ้มเสรีในโลกดิจิทัลอย่างที่ควรจะทำ ผู้สนับสนุนหลายคนพยายามผลักดันให้การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
อีลอน มัสก์ เข้าของบริษัทเทสลาพยายามจะทำให้โดจคอยน์กลายเป็นสกุลเงินประจำตัวของเขา แจ็ค ดอร์ซีย์ อดีต CEO ของทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) ที่ได้หันมาอุทิศชีวิตให้กับการสร้างกระเป๋าสำหรับสกุลเงินดิจิทัลได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินดิจิทัลมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความรู้ด้านคริปโตฯ หรือคนที่ไม่มีความรู้ด้านการเงิน ต้องสามารถใช้กระเป๋าเงินของแจ็ค ดอร์ซีย์ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาหวังเอาไว้ และดอร์ซีย์เชื่อเป็นอย่างมากว่าสกุลเงินดิจิทัลจะสามารถ “รวมโลกทั้งใบ” ได้
2022 อาจจะเป็นปีตัดสินอนาคตของสกุลเงินดิจิทัล
เป็นความจริงที่ปี 2022 นี้สกุลเงินดิจิทัลยังไม่หวือหวาเท่าที่ควร หลังจากบิทคอยน์ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เหนือ $66,000 ก็ได้ปรับตัวลดลงมา จนล่าสุดในวันที่ 11 มกราคม มูลค่าของบิทคอยน์ก็เหลืออยู่ต่ำกว่า $43,000 ในขณะที่อีเธอเรียมขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ประมาณ $4,900 ก่อนที่จะร่วงลงมาต่ำกว่า $3,250
ในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่รู้จักสกุลเงินดิจิทัลแล้ว ต้องยอมรับว่ามีทั้งความคิดที่เป็นฝ่ายสนับสนุนและต่อต้าน
ฝั่งที่สนับสนุนเชื่อว่าคริปโตฯ จะเติบโตขึ้นด้วยเหตุผลก็คือ
- การเก็งกำไรที่เห็นผลได้จริงและรวดเร็วยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดเหล่าผู้ที่ต้องการเสี่ยงโชค
- จำนวนเหรียญสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนความต้องการสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต
- คริปโตฯ ในปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนไปแล้ว มีสถานะเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย ไม่ต่างจากแร่โลหะมีค่าอย่างทองคำ
ฝั่งที่เชื่อว่าคริปโตฯ จะตายให้เหตุผลว่า
- รัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุมโดยอ้างว่า “ทำไปเพื่อปกป้องประชาชน”
- รัฐบาลจะออกสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง และใช้กฎหมายบังคับให้คนจำเป็นต้องหันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลของรัฐ
- ถ้าสุดท้ายแล้วคริปโตฯ ไม่ยอมที่จะอยู่ในอำนาจของรัฐ สิ่งที่รัฐสามารถทำได้ก็คือห้ามใช้งานสกุลเงินดิจิทัลเหล่านั้น บัญญัติให้กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทุกอย่างก็สามารถจบลงได้อย่างง่ายดาย
ในช่วงสิ้นปี 2020 มูลค่าของตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดมีอยู่ที่ $767,482 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2021 มูลค่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น $2,223 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโตขึ้นเกือบ 2.9 เท่า โดยที่ทั้งบิทคอยน์และอีเธอเรียมมีมูลค่ารวมกันเกือบ $1.34 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขยับเข้าใกล้บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ที่ $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปเรื่อยๆ
ด้วยมูลค่ารวมทั้งตลาดที่ยังเล็กกว่าบริษัทแอปเปิล ภาครัฐจึงยังไม่มองคริปโตฯ เป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินมากเท่าไหร่ แต่ยิ่งมูลค่านี้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านล้าน 4 ล้านล้านหรือ 5 ล้านล้านเหรียญในอนาคต เชื่อว่าเวลานั้นรัฐจะยิ่งจริงจังกับการจัดการคริปโตมากขึ้น เรย์ ดาลิโอ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้รัฐสามารถจบชีวิตคริปโตฯ ได้เพียงแค่ดีดนิ้ว แต่พวกเขายังไม่เลือกที่จะทำ
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อีเธอเรียมสามารถเอาชนะบิทคอยน์ได้ในปี 2021 คือการยอมรับของคนใช้งาน ที่ไม่ได้มองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นเพียงตัวกลางการแลกเปลี่ยนอีกต่อไป แต่สามารถต่อยอดให้กลายเป็นฐานของผลิตภัณฑ์ความคิดสร้างสรรค์อีกมายที่สามารถจินตนาการและทำให้เกิดขึ้นจริงได้ อย่างเช่นที่ตอนนี้อีเธอเรียมมี DeFi และ GameFi อยู่ในมือ สกุลเงินดิจิทัลหลายตัวพยายามที่จะเลียนแบบความสำเร็จของอีเธอเรียม แต่ในสายตาของผม มีเพียงโซลานา (SOL) และคาร์ดาโน (ADA)) เท่านั้นที่คู่ควร
สกุลเงินอันดับที่ 5 ของโลกดิจิทัล: Solana
โซลานา (Solana) ก็คือโปรโตคอลแบบ Decentralized ที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้ามาสร้างแอปพลิเคชันแบบ DApps บนเครือข่ายได้ โดยโซลานามีความสามรถในการคำนาณธุรกรรมถึงราว 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที เปรียบเทียบกับบล็อกเชนรุ่นพี่อย่างอีเธอเรียม ที่มีความสามรถในการคำนาณธุรกรรมอยู่เพียงราว 14 ธุรกรรมต่อวินาทีเท่านั้น โซลานาทำงานแบบ Proof of History (PoH) ระบบการทำงานแบบใหม่ ที่ยกระดับความสามารถในการรองรับธุรกรรมมากขึ้น รวมไปถึงยกระดับความปลอดภัยเครือข่ายให้สูงขึ้นอีกด้วย
ในวันที่ 13 มกราคม มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลโซลานามีมูลค่าอยู่เป็นอันดับที่ 5 ตามการจับอันดับของเว็บไซต์ CoinMarketCap มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $151.25 มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ $47,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา: CoinMarketCap
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นวันเปิดตลาดวันแรกของโซลานา (กันยายนปี 2020) ที่เหรียญยังมีมูลค่าเพียง 78.0 เซ็นต์ ก่อนที่จะสามารถขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $258.93 ในวันที่ 5 พฤศจิกายนปี 2021 ณ วันที่ 13 มกราคมปี 2022 มูลค่าของเหรียญโซลานาลดลงมาประมาณ 42% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $151.25
สกุลเงินอันดับที่ 7 ของโลกดิจิทัล: Cardano
คาร์ดาโน (Cardano) เป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบ Open-Source สร้างขึ้นโดยนาย Charles Hoskinson ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม โดยจุดประสงค์ในการสร้างคาร์ดาโน ขึ้นมานั้นก็เพราะเขาเชื่อว่าบล็อกเชนสามารถพัฒนาในเรื่องของการขยายตัวเครือข่ายได้มากพอที่จะรองรับธุรกรรมจากทั่วโลก โดยออกแบบให้เครือข่ายมีการประมวลผลที่รวดเร็วมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมากอีกด้วย คาร์ดาโน เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนสาธารณะในรูปแบบของซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ซและการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ โดยใช้ข้อตกลงในรูปแบบ proof of stake ทำธุรกรรมผ่านคริปโทเคอร์เรนซีในชื่อ “เอดา” (ADA)
ในวันที่ 13 มกราคม มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลเอดามีมูลค่าอยู่เป็นอันดับที่ 7 ตามการจับอันดับของเว็บไซต์ CoinMarketCap มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1.30 มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ $43,450 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา: CoinMarketCap
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นวันเปิดตลาดวันแรกของเอดา (ตุลาคมปี 2016) ที่เหรียญยังมีมูลค่าเพียง 2.6 เซ็นต์ ก่อนที่จะสามารถขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $2.9634 ในวันที่ 1 กันยายนปี 2021 ณ วันที่ 13 มกราคมปี 2022 มูลค่าของเหรียญโซลานาลดลงมาประมาณ 56% จากจุดสูงสุดตลอดกาลนั้น สร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ $2.2735
ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องราวของโซลานาและเอดาในบทความนี้หรือไม่ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าที่ไหนก็ตามที่มีขาขึ้น ที่นั่นมักจะเต็มไปด้วยนักเก็งกำไรที่พร้อมจะช้อนซื้อ แต่ไม่พร้อมรับการถูกเทขาย และอย่างที่เราได้เน้นย้ำไปในทุกๆ บทความที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลว่าตลาดแห่งนี้มีความผันผวนสูง จงลงทุนในจำนวนเงินที่คุณพร้อมที่จะเสียได้ ถึง Proof-of-Stake (PoS) จะเป็นโปรโตคอลที่รักษ์โลก และเป็นอนาคตของโลกคริปโตฯ มากแค่ไหน แต่ความผันผวนในโลกสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และยังคงต้องเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ต่อไปในปี 2022