หากได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุน ต่อให้จะเป็นนักลงทุนที่เกษียณอายุไปแล้ว แต่หากได้เห็นข่าวการเติบโตของหุ้นเทคฯ ที่พาดหน้าหนึ่งอยู่ในหนังสือพิมพ์ทุกวัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดอาการไขว้เขวกันบ้าง เพราะถึงแม้หุ้นที่ถืออยู่ในมือจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ด้วยการทำกำไรที่คงที่ก็อาจจะมีอารมณ์คันไม้คันมือ อยากจะหาอะไรทำเพิ่มศักยภาพพอร์ตลงทุนของตัวเอง
เอาเข้าจริงๆ ไม่มีใครที่อยากจะนั่งรอวันที่จากโลกนี้ไปวันๆ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้นน่าดึงดูดและบริษัทที่รวยอยู่แล้วก็ยิ่งมีแต่จะรวยมากยิ่งขึ้นไปอีก สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เงินปันผลของบริษัทที่ร่ำรวยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงข้อมูลจากผู้จัดการกองทุน Janus Henderson Investors ระบุว่ามูลค่ารวมของการจ่ายเงินปันผลจากบริษัทเอกชนทั้งหมดในปี 2021 คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ $1,460 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลจาก Wall Street Journal ยังระบุเสริมด้วยว่าในปี 2022 บริษัทเอกชนมีแผนที่จะใช้เงินมากกว่าเดิมในการซื้อหุ้นคืนและเพิ่มสัดส่วนของเงินปันผลมากขึ้น หลายๆ บริษัทตอนนี้สามารถฟื้นตัวกลับมาจากวิกฤตโควิดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะต่อสู้กับความท้าทายใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในปี 2022
หุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลสูงถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงภาวะเงินเฟ้อ เพราะอัตราการปันผลที่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้น ไปจนกว่าเฟดจะตัดสินใจสกัดความร้อนแรง ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น เพื่อให้สอดคล้องกับธีมนี้ เราจึงได้เลือกหุ้นสามตัวที่มีอัตราการปันผลสูงมาฝากนักลงทุนระยะยาว
1. JPMorgan Chase
สำหรับพอร์ตในยามเกษียณอายุ การเน้นหุ้นสายป้องกันถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และปีนี้ ปีที่ได้ชื่อว่าจะเป็นการฟื้นตัวอย่างจริงจังผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผู้ที่จะได้รับประโยชน์เต็มๆ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร ในเวลานี้ธนาคารเอกชนที่โดดเด่นที่สุดในสายตาของเรามีเพียงเจพีมอร์แกน แชสค์ (NYSE:JPM) เท่านั้น นอกจากจะเป็นผู้ปล่อยกู้ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาแล้ว เจพีมอร์แกนยังมีจุดแข็งในเรื่องของการรักษาสมดุลในบัญชีงบดุล และคุณภาพของการดำเนินงาน
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ธนาคารเจพีมอร์แกนประกาศว่าค่าธรรมเนียมของวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้น 52% แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่การระบาดยังไม่จบสิ้น แต่โดยรวมแล้วเจพีมอร์แกนยังสามารถพูดได้เต็มปากว่าจบไตรมาสที่สามด้วยการกำไรติดไม้ติดมือ ส่วนหนึ่งของกำไรของเจพีมอร์แกนมาจากการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาที่โจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถผลักดันเป็นกฎหมายได้สำเร็จ ส่งผลให้มีผู้ประกอบการมาขอกู้กับเจพีมอร์แกน เพื่อไปลงทุนมากขึ้น
หุ้นของธนาคารเจพีมอร์แกนมีราคาปิดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $167.83 มีอัตราการปันผลกำไรต่อปีอยู่ที่ 2.38% ตลอดระยะเวลาห้าปีล่าสุดอัตราการปันผลรายไตรมาสได้เพิ่มขึ้นมาแล้ว 18% จนตอนนี้มีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1
2. Broadcom
การลงทุนในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ตลอดระยะเวลาสองปีล่าสุดได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการเดินเกมที่ชาญฉลาด ในยุคที่คอมพิวเตอร์ มือถือ ศูนย์กลางข้อมูลกลายเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทผู้ผลิตชิปฯ จึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า หากคุณต้องการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เราขอแนะนำหุ้นของบริษัทบอร์ดคอม (NASDAQ:AVGO) บริษัทนี้การันตีฝีมือด้วยชิปคุณภาพ ที่อยู่ในวิทยุ เร้าเตอร์ WiFi ไปจนถึงสมาร์ทโฟนระดับโลกอย่าง iPhone
ตัวเลขการปันผลของหุ้นบอร์ดคอมในทศวรรษที่ผ่านมาถือว่าเติบโตได้อย่างมีนับสำคัญ จาก $0.10 ในปี 2011 ตอนนี้ได้กระโดดขึ้นมาเป็น $4.10 ต่อไตรมาส มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดอยู่ที่ $670.92 และเปอร์เซ็นต์การปันผลของหุ้นอยู่ที่ 2.54% ความต้องการชิปประมวลผลของบอร์ดคอมที่มีอยู่ตลอด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นของบริษัทจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ 250%
ตลอดระยะเวลาห้าปีล่าสุด และยิ่งปีที่ผ่านมา การที่มือถือ iPhone สามารถใช้งาน 5G ได้อย่างจริงจังก็ยิ่งกลายเป้นการนับศักราชใหม่ของการใช้สมาร์ทโฟน และยิ่งมีแต่ทำให้บอร์ดคอมจะสามารถทำกำไรได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าตอนนี้ปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนจะสร้างความลำบากให้กับบอร์ดคอมเพราะไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการของลูกค้า แต่ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ยังเชื่อมั่นว่าบอร์ดคอมจะยังคงรักษาความเป็นราชาของเซมิคอนดักเตอร์เอาไว้ได้
“ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างและการทำกำไร บอร์ดคอมไม่เพียงแต่สร้างกำไรได้มากขึ้นกว่าเดิมในตลาดที่พวกเขาถนัด แต่ยังรักษามาตรฐานเช่นนั้นเอาไว้ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยที่ฟอร์มไม่ตกเลย ทั้งๆ ที่วงการนี้มีการแข่งขันสูงมากขึ้นทุกปี”
3. Exxon Mobil
เมื่อพูดถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเป็นธีมหลักของปีนี้ น้ำมันก็ยังคงเป็นพลังงานและเป็นต้นทุนที่มนุษยชาติไม่มีทางขาดได้ ปีนี้ความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของตลาดน้ำมันจะยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิมและนั่นจะส่งผลให้หุ้นของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ปรับตัวขึ้นตามมาด้วย เมื่อพูดถึงบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของอเมริกา ในตอนนี้มีเพียงหุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิล (NYSE:XOM) เท่านั้นที่สามารถปรับตัวขึ้นได้เกือบ 60% ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าจุดเข้าของหุ้นเอ็กซอนตอนนี้อาจจะไม่สวยมากนัก แต่ด้วยอัตราการปันผลต่อไปที่ 5.79% มีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.88 ต่อหุ้น และทำกำไรในไตรมาสที่สามของปีที่แล้วได้ $12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็อาจจะทำให้หุ้นเอ็กซอนที่วิ่งอยู่ที่ $66 เมื่อวานนี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของใครหลายๆ คนขึ้นมาได้
การฟื้นตัวกลับมาของราคาพลังงานทำให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันได้รับความสนใจไปตามๆ กัน แต่หุ้นของเอ็กซอน โมบิลก็ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ นอกจากอัตราการปันผลที่สูงแล้ว โกลด์แมนฯ ยังให้เหตุผลด้วยว่าความยั่งยืนในการสร้างกระแสเงินสดยังคงเป็นจุดเด่นของบริษัทเอ็กซอน โมบิลแห่งนี้