สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง หุ้นบางตัวสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ดังนั้นการลงทุนในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2021 ตลาดลงทุนจึงตั้งความหวังว่าจะได้เห็นขาขึ้นนี้ลากยาวไปจนถึงปี 2022 อันที่จริงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ดัชนีเอสแอนด์พี 500 สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ ขาขึ้นครั้งนี้ทำให้ผลงานรวมตลอดทั้งปีของเอสแอนด์พี 500 คิดเป็น 26% ขานรับข่าวดีที่มีรายงานระบุว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากโอมิครอนมากขนาดที่เป็นกังวล
แต่นักลงทุนอย่าพึ่งชะล่าใจ เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลจากงานวิจัยไหนที่กล้าสรุปตรงๆ ว่าที่จริงแล้วโอมิครอนนั้นร้ายกาจมากน้อยเพียงใด ประกอบกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่เช่นเงินเฟ้อ ซัพพลายเชนคอขวด และแรงงานขาดแคลน ปัญหาทั้งหมดนี้พร้อมทำให้ตลาดลงทุนผันผวนได้ทุกเมื่อ ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่พลาดที่จะนำสามหุ้นเด่นมานำเสนอให้คุณผู้อ่าน เป็นการปิดท้ายปี 2021
1. Tesla
หนึ่งในหุ้นที่ดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างโดดเด่นคือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) เพียงสัปดาห์เดียว หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นมาแล้ว 14% สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือระดับราคา $1,000 ได้สำเร็จ
ขาขึ้นครั้งนี้สร้างความหวังให้กับฝั่งขาขึ้นว่าปีหน้าจะยังคงได้เห็นหุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่นายอีลอน มัสก์ CEO ของบริษัทเกือบจะขายหุ้นบริษัทในมือของเขาออกไปจนเกือบหมดแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมา อีลอน มักส์ ได้เขียนลงในทวิตเตอร์ของเขาว่า “เกือบหมดแล้ว” การขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นมูลค่า $15,400 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่มักส์ต้องขายหุ้นออกไปเพื่อต้องการนำเงินไปชำระภาษีที่มีมูลค่าสูงถึง $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
แดน ไอฟ์ นักวิเคราะห์จาก Wedbush ให้ความเห็นต่อการกระทำครั้งนี้ของอีลอน มัสก์ว่า
“การประกาศครั้งนี้ของมัสก์เป็นไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ผ่านแรงเทขายของหุ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เขาทำเช่นนั้น เพื่อที่หุ้นของบริษัทจะได้กลับไปสู่มูลค่าที่แท้จริง อย่างที่ควรจะเป็นมากยิ่งขึ้น”
ราคาซื้อขายหุ้นเทสลาเมื่อวันพฤหัสบดีมีราคาอยู่ที่ $1,067 ทำให้ปีนี้หุ้นของบริษัทเทสลาปรับตัวขึ้นต่อมาจากปี 2020 คิดเป็น 50% โดยประมาณแล้ว
2. Delta Air
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ทำให้ภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาคลุมเครืออีกครั้ง แน่นอนว่าสายการบินก็ไม่อาจหนีแรงกดดันนี้ได้เช่นกัน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีรายงานจากสายการบินว่าโอมิครอนได้ทำให้สารการบินใหญ่ รวมถึงเดลตา แอร์ไลน์ (NYSE:NYSE:DAL) ถูกยกเลิกตั๋วเดินทางจากผู้โดยสาร และไฟลท์เดินทางในช่วงคริสต์มาสอีฟก็ต้องถูกลดลงหรือยกเลิกไปเลย ไฟลท์บินมากกว่า 100 ไฟลท์ถูกยกเลิกในวันคริสต์มาส 344 เที่ยวบินของเดลตาแอร์ไลน์ ถูกยกเลิกในวันคริสต์มาส โฆษกของบริษัทประกาศว่าผลกระทบนี้ยังส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงเมื่อวาน
ไม่ใช่แค่เฉพาะสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ แต่สายการบินอื่นๆ ก็ได้ออกมาพูดในลักษณะเดียวกัน ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (NASDAQ:UAL) หนึ่งในสายการบินชื่อดังของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า
“ยอดผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนทั่วประเทศในสัปดาห์นี้สร้างผลกระทบต่อลูกเรือและบุคลากรในองค์กร ด้วยเหตุนี้เราจึงจำใจต้องขอยกเลิกบางเที่ยวบิน พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้พวกเขาทราบถึงความเสี่ยงในการเดินทางมายังสนามบิน”
นอกจากการระบาด ปีหน้าสายการบินยังต้องเผชิญกับแรงกดดันอื่นๆ อีก ยกตัวอย่างเช่นต้นทุนในการคิดราคาตั๋วเครื่องบินจะแพงขึ้นเพราะราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสภาวะเงินเฟ้อ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาปิดของหุ้นสายการบินเดลตา แอร์ไลน์มีราคาอยู่ที่ $39.30 ปรับตัวลดลง 25% จากจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
3. Pfizer
เมื่อเทียบผลงานของหุ้นจากกลุ่มเฮลท์แคร์ด้วยกัน ปีนี้คงไม่มีหุ้นตัวไหนสร้างผลงานขาขึ้นได้โดดเด่นเท่ากับไฟเซอร์ (NYSE:PFE) ได้อีกแล้ว
สัปดาห์ที่ผ่านมา ไฟเซอร์พึ่งจะมีข่าวดีไปเมื่อภาครัฐได้อนุญาตให้ยาเม็ดต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์สามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน ยาเม็ดนั้นมีชื่อว่า “Paxlovid” ตอนนี้ไฟเซอร์กำลังเร่งกำลังการผลิตยาเม็ดชนิดนี้ เพราะหวังว่าจะเป้นสิ่งที่ช่วยต่อกรกับโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อได้ทดลองกับมนุษย์จริงๆ ได้ผลทดสอบว่า Paxlovid สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโควิดแล้วต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้มากถึง 88%
ไฟเซอร์กล่าวว่าในปีหน้าพวกเขาเตรียมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของ Paxlovid อีก ถ้าหากการบรรเทาอาการโควิด จะมีความสะดวกสบายขนาดนี้ เชื่อได้เลยว่าปีหน้าจะยังคงเป็นปีทองของไฟเซอร์อีกเป็นแน่ ในเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ พึ่งจะออเดอร์ยาเม็ดชนิดนี้ไป 10 ล้านเม็ด คิดเป็นเงินมูลค่าเดือบ $5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นไฟเซอร์มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วอยู่ที่ $58.71 ตลอดทั้งปี 2021 หุ้นไฟเซอร์ปรับตัวขึ้นมาทั้งหมดเกือบ 60%