- บริษัทจะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $22,410 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $4.27
ถึงแม้ว่าความต้องการขนส่งสินค้าออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่นักลงทุนกลับไม่ให้ความสำคัญกับหุ้นของบริษัทขนส่งพัสดุที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเฟดเอ็กซ์ (NYSE:FDX)ในช่วงหกเดือนล่าสุด หุ้นของบริษัทเฟดเอ็กซ์ได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่า 18% ทำผลงานได้แย่กว่าดัชนีหลักของสหรัฐอเมริกาเสียอีก สถานการณ์ที่มีแรงกดดันนี้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่เฟดเอ็กซ์ได้ปล่อยรายงานคาดการณ์ว่าปีนี้อาจจะมียอดส่งพัสดุประมาณ 100 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงแบล็ค ฟรายเดย์และคริสต์มาสในปี 2019 และเพิ่มขึ้นจากปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 10%
สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจในตอนนี้กลับไม่ใช่ราคาหุ้นของบริษัท แต่เป็นต้นทุนการขนส่งที่มีราคาแพงขึ้นและปัญหาแรงงานขาดแคลน ปัญหานี้สร้างผลกระทบให้กับมาร์จิ้นเงินทุนของบริษัท ทั้งๆ ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น ในไตรมาสที่ 1 เฟดเอ็กซ์ได้ประกาศลดตัวเลขคาดการณ์กำไรในปี 2021 ลง และหลังจากนั้น ตัวเลขกำไรที่ได้ในแต่ละไตรมาสก็ไม่เคยเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ได้อีกเลย
ถึงแม้ว่าในช่วงหกเดือนล่าสุด ราคาหุ้นของเฟดเอ็กซ์จะปรับตัวลดลงมามากกว่า 16% แต่ในปี 2021 นี้เองที่หุ้นเฟดเอ็กซ์สามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ ในช่วงต้นปี นักลงทุนเคยเชื่อมั่นว่าความต้องการบริการขนส่งพัสดุผ่านระบบออนไลน์จะมีเพิ่มมากขึ้น เพราะการระบาดที่ยังไม่สิ้นสุด ที่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้ทำทุกอย่างผ่านออนไลน์
การปรับโครงสร้างทางธุรกิจตั้งแต่ก่อนโควิดจะระบาดได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการเดินหมากที่ถูกต้อง ก่อนที่โควิดจะระบาด การปรับโครงสร้างของเฟดเอ็กซ์ครั้งใหญ่ประกอบไปด้วย การเพิ่มความสามารถในการรองรับการขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ การเพิ่มบริการส่งพัสดุให้ถึงมือลูกค้าภายใน 7 วัน การปรับระบบมาใช้ซอฟต์แวร์นำทางในการส่งสินค้า และความพยายามในการใช้เครือข่ายเพื่อลดต้นทุนในการขนส่งสินค้าลง
ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้มากขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ มีการล็อกดาวน์ แต่ความท้าทายสำหรับเฟดเอ็กซ์ในตอนนี้คือการหาวิธีรักษาต้นทุนภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาแรงงานขาดแคลน แม้ว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่ได้ทำให้บริษัทถึงขั้นติดลบ แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อแผนการเติบโตของบริษัทในเวลาเดียวกัน
นักวิเคราะห์ยังยกให้เฟดเอ็กซ์เป็นหุ้นตัวโปรด
ผู้บริหารระดับสูงของเฟดเอ็กซ์กล่าวในเดือนกันยายนว่าปัญหาแรงงานขาดแคลนและค่าจ้างที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำงานของบริษัทจริง ผลกระทบนี้ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนถึงช่วงไตรมาสที่ 1 ปีนี้ คิดเป็นเงินมูลค่า $450 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัญหานี้ที่ลากยาวมาจนถึงไตรมาสที่ 2 ประกอบกับความพยายามขยายขีดจำกัดในการบริการ คิดเป็นเงินมูลค่า $800 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเป็นเช่นนี้ แต่นักวิเคราะห์หลายคนก็ยังให้คะแนนหุ้นเฟดเอ็กซ์เป็นหุ้นตัวโปรด พวกเขาให้เหตุผลว่าการลงทุนในระยะยาวกับหุ้นเฟดเอก็ซ์เป็นอะไรที่น่าดึงดูด ตราบใดที่การซื้อขายสินค้าออนไลน์ และการส่งพัสดุมีโอกาสที่จะเติบโตมากขึ้นไปอีกในอนาคต (ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นแน่ๆ) นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ปยกให้หุ้นเฟดเอ็กซ์อยู่ในระดับ “น่าซื้อ” พวกเขาให้เหตุผลเอาไว้ดังนี้
“เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบรรยากาศความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีเพิ่มมากขึ้นในช่วง F2Q22 จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการกลับมาทำงานมากขึ้น ด้วยเหตุผลนั้นเราจึงมองว่าอัตราเสี่ยงต่อผลตอบแทนของหุ้นเฟดเอ็กซ์ยังคุ้มค่า และในรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณในไตรมาสที่ 2 ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่รายงานผลกำไรจะสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไปได้”
เจพี มอร์แกน ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังมีความเชื่อมั่นในหุ้นเฟดเอ็กซ์เช่นกัน พวกเขาเขียนรายงานให้กับนักลงทุนดังนี้
“เรามีความเชื่อมั่นว่ารายงานผลประกอบการใน F2Q22 ของหุ้นเฟดเอ็กซ์ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ พวกเขาจะต้องสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ ขาลงในช่วงนี้ถือเป็นการปรับฐานเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น การปรับตัวลงมาครั้งนี้ทำให้หุ้นอยู่ในจุดที่มีมูลค่าเหมาะสมด้วย เมื่อเทียบกับหุ้นของบริษัท UPS เฟดเอ็กซ์เป็นตัวเลือกการลงทุนที่ปลอดภัยกว่า”
นักวิเคราะห์ของ Investing.com 23 คนจาก 31 คนยกให้หุ้นเฟดเอ็กซ์อยู่ในระดับที่ “โดดเด่น”
ที่มา: Investing.com
โดยเฉลี่ยแล้ว นักวิเคราะห์จาก Investing.com ได้ให้ราคาเป้าหมายของหุ้นเฟดเอ็กซ์เอาไว้ที่ $305 สูงกว่าระดับราคาปัจจุบันที่ $240.04 อยู่ 25%
โดยสรุปแล้ว
รายงานผลประกอบการของเฟดเอ็กซ์ในวันพรุ่งนี้อาจจะไม่สร้างความประทับใจให้นักลงทุนมากนัก เพราะบริษัทยังมีปัญหาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและแรงงานขาดแคลน แต่ในระยะยาว หุ้นเฟดเอ็กซ์มีโอกาสเติบโตได้มากเนื่องจากความต้องการซื้อขายและขนส่งสินค้าออนไลน์ที่มีแนวโน้มแต่จะเติบโตขึ้น ขาลงของหุ้นเฟดเอ็กซ์ในช่วงนี้สามารถหายไปได้ทันทีหากว่าบริษัทพบวิธีการที่จะจัดการควบคุมความเสี่ยงและต้นทุนได้