ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากวิกฤตโรคระบาดได้ และเพิ่มความต้องผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้นำด้านการคิดค้นนวัตกรรม มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ยกต้วอย่างเช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ การแพทย์ และเวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย โทรคมนาคม รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่องานสำนักงานและอุปโภคนามสามเอ็ม (NYSE:MMM) แต่ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีของหุ้นสามเอ็มเท่าไหร่
ความไม่สอดคล้องกันระหว่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวมที่ฟื้นตัวกลับมาแล้วกับลักษณะการวิ่งของหุ้นสามเอ็มสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดทุนอยู่พอสมควร ทั้งๆ ที่สามเอ็มมีไลน์ผลิตสินค้ามากกว่าหกหมื่นชนิดอยู่ในมือ แต่หุ้นของบริษัทกลับสร้างขาลง 15% มาตั้งแต่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบหลายปีในเดือนพฤษภาคม นักวิเคราะห์เชื่อว่าสาเหตุของขาลงนี้ในระยะสั้นมาจากปัญหาซัพพลายเชนคอขวด ที่ส่งผลกระทบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นหลัก ทั้งในแง่ของต้นทุนและความสามารถในการผลิต เมื่อตะกร้าทุกใบของสามเอ็มได้รับผลกระทบ จึงส่งผลให้มูลค่าหุ้นสามเอ็มปรับตัวลดลงตามไปด้วย
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 บริษัทสามเอ็มระบุว่าอัตราการเติบโตของกำไรมีตัวเลขอยู่ที่ 6.3% ในแต่ละอุตสาหกรรมที่สามเอ็มเป็นเจ้าของ มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่ KPI กำหนดไว้เท่านั้น อัตราการเติบโตนี้ถือว่าตามหลังบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างน้อย 10% นักวิเคราะห์บางส่วนจึงลงความเห็นกันว่ามีโอกาสที่ในปี 2022 อัตราการเติบโตของหุ้นสามเอ็มจะชะลอตัว
นาย Monish Patolawala ผู้ดำรงตำแหน่ง CFO ของบริษัทสามเอ็มเชื่อว่าแรงกดดันเหล่านี้เป็นเพียงปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม เขากลับมองว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการลงทุนกับหุ้นบริษัท เพราะในเดือนตุลาคม บริษัทสามเอ็มได้ลดงบค่าใช้จ่ายในปี 2021 ลงเกือบ 20% และกล้าเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตในปีนี้ เขาให้เหตุผลว่าสินค้าของบริษัทยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรก็ตาม
สามเอ็มกับความลับของพวกเขา
คำตอบของ CFO นี้ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมหุ้นบริษัทที่วิ่งอยู่ในขาลงมาตลอดระยะเวลาห้าปีหลังสุด เพราะถึงแม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาอย่างเช่นซัพพลายเชนขาดแคลนหรือภาวะเงินเฟ้อ แต่ทำไมหุ้นของบริษัทคู่แข่งอย่างฮันนี่เวลล์ (NASDAQ:HON) กลับสามารถปรับตัวขึ้นได้มากกว่า 80% เช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ ที่สามารถสร้างขาขึ้นได้ในช่วงเวลาเดียวกัน
อ้างอิงข้อมูลจากเครดิต สวิส พวกเขาวิเคราะห์ว่าหุ้นสามเอ็มยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ช้าเช่นนี้ต่อไปเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม จนกว่าบริษัทจะยอมอธิบายว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่สร้างผลกระทบต่อราคาหุ้นอยู่ ณ ขณะนี้ เครดิต สวิสยังวิเคราะห์ต่อไปว่าต้นตอของปัญหาอาจจะอยู่ที่ต้นทุนที่ต้องใช้สารเคมีจาก PFA มาสร้างผลิตภัณฑ์
สารเคมีชนิดนี้เป็นสารเคมีเฉพาะที่บริษัทสามเอ็มใช้สร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความทนทาน แตกหักยาก และเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบัน แต่เพราะการใช้สาเคมีชนิดนี้จึงทำให้บริษัทต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐ ถึงความเหมาะสม และการใช้งานโดยไม่ให้ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้พวกเขากำลังถูกฟ้องจากทหารด้วยว่าอุปกรณ์ที่อุดหูนั้นก่อให้เกิดอาการข้างเคียงเช่น ไม่ได้ยินเสียงแวดล้อมชัดเจนแม้ว่าจะถอดหูฟังแล้วก็ตาม
“จริงที่ว่าปัญหาเศรษฐกิจที่มีอยู่ในตอนนี้อาจทำให้หุ้นบริษัทสามเอ็มปรับตัวลดลงในระยะสั้น แต่ปัญหาระยะยาวเกี่ยวกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ถึงแม้ว่าบริษัทจะไม่ยอมบอกออกมาตรงๆ แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาด้านความน่าเชื่อถือเกิดขึ้น”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กให้เหตุผลถึงสิ่งที่ฉุดรั้งการเติบโตของบริษัทสามเอ็มเอาไว้ว่าอาจเป็นเพราะปัญหาโครงสร้างภายในบริษัท เพราะสามเอ็มเป็นบริษัทขนาดใหญ่ พวกเขาจึงมีความซับซ้อนในแง่ของการจัดการมากเกินไป ครั้งสุดท้ายที่บริษัทสามเอ็มประกาศแยกบริษัทต้องย้อนกลับไปถึงปี 1997 ในสมัยที่แยกบริษัทลูกออกมาเพื่อทำฟล็อปปี้ดิสก์ ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา นักวิเคราะห์จาก Investing.com ส่วนใหญ่ (จาก 20 คน) จึงให้คะแนนความน่าสนใจของหุ้นสามเอ็มอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น
ที่มา: Investing.com
หนึ่งในเหตุผลที่นักวิเคราะห์จาก Investing.com ให้เกี่ยวกับการตัดสินใจเช่นนี้คือพวกเขายังมองว่าหุ้นสามเอ็มเป็นตัวเลือกที่ดีในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ อัตราการปันผลของบริษัทจึงน่าสนใจ และมีประวัติการหารายได้เพื่อมุ่งเน้นไปที่นักลงทุนเป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทสามเอ็มมีเปอร์เซ็นต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 3.34% คิดเป็นการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.48 ต่อหุ้น
ถึงจะมีมุมมองด้านบวกแบบนั้น แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังลงความเห็นว่าอย่าพึ่งดีใจเกินไป และอย่าคาดหวังว่าสามเอ็มจะเพิ่มอัตราการปันผลแบบก้าวกระโดดด้วย สองครั้งสุดท้ายที่สามเอ็มปรับขึ้นอัตราการปันผลคือ 2% และ 1% เท่านั้น ซึ่งยังไม่พอที่จะชดเชยกับอัตราเงินเฟ้อเลยด้วยซ้ำ
โดยสรุปแล้ว
ถึงแม้ว่าบริษัทสามเอ็มจะมีประวัติการปันผลที่แน่นอน และบริษัทก็มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ด้วยสาเหตุฉุดรั้งที่บริษัทไม่ยอมเปิดเผยความจริง ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าปัญหาเหล่านี้จะจบลงเมื่อไหร่ ประกอบกับโครงสร้างบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน ยิ่งทำให้เป็นไปได้ยากที่สามเอ็มจะเพิ่มเงินปันผลให้กับเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นได้ในตอนนี้